หลายคนอาจคิดว่าการทำ พินัยกรรมมรดกที่ดิน เป้นเรื่องซับซ้อน ต้องมีทยายหรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดการเหมือนในละครเสมอ แต่จริงๆ แล้ว หากเข้าใจหลักการเบื้องต้น การเขียนพินัยกรรมที่ดินสามารถทำได้ด้วยตันเองแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังเป็นการแบ่งทรัพย์สินให้ชัดเจน ลดโอกาสเกิดความขัดแย้งในครอบครัวหลังจากที่เราจากไปแล้วได้อีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปดูทีละขั้นตอน ตั้งแต่ข้อควรรู้ก่อนเขียนพินัยกรรม กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับพินัยกรรมมรดกที่ดิน รวมถึงตัวอย่างแบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดิน ที่จะทำให้คุณสามารถเขียนพินัยกรรมด้วยตัวเองได้ทันทีหลังอ่านจบ

กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับพินัยกรรมมรดกที่ดิน

กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับพินัยกรรมมรดกที่ดิน

เมื่อเจ้าของที่ดินเสียชีวิต การแบ่งที่ดินมรดกจะดำเนินตามกฎหมายมรดกที่ดิน เพื่อให้ทรัพย์สินถูกโอนให้แก่ทายาทอย่างชัดเจนและเป็นธรรม โดยมีข้อกฎหมายสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการจัดการมรดกที่ดิน ดังนี้

  1. มรดกที่ดินจะตกเป็นของบุคคลที่เจ้าของที่ดินระบุไว้ในพินัยกรรม ซึ่งเรียกว่า “การได้รับมรดกที่ดินโดยสิทธิตามพินัยกรรม”
  2. ในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ที่ดินจะตกทอดแก่ทายาทตามลำดับของเจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็น “ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมาย”
  3. ผู้ที่มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินจะต้องไปขอ จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดิน กับสำนักงานที่ดิน

จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับที่ดินมรดกเป็นลำดับแรก คือ บุคคลที่เจ้าของที่ดินระบุไว้ในพินัยกรรม ซึ่งสัดส่วนที่จะได้รับเป็นไปตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมที่ดิน แต่หากไม่ได้มีการเขียนพินัยกรรมที่ดินไว้ก่อนเสียชีวิต ที่ดินนั้นจะตกเป็นของทายาทโดยชอบธรรม โดยจะได้รับมรดกที่ดินในสัดส่วนเท่ากัน ซึ่งจะให้ทายาทลำดับแรกก่อน หากไม่มีจึงจะยกให้เป็นสิทธิ์ของทายาทลำดับถัดไป ดังนี้

  • ทายาทลำดับที่ 1 ได้แก่ ผู้สืบสันดาน, คู่สมรส
  • ทายาทลำดับที่ 2 ได้แก่ บิดา-มารดา
  • ทายาทลำดับที่ 3 ได้แก่ พี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน
  • ทายาทลำดับที่ 4 ได้แก่ พี่น้องต่างบิดา-มารดา
  • ทายาทลำดับที่ 5 ได้แก่ ปู่-ย่า, ตา-ยาย
  • ทายาทลำดับที่ 6 ได้แก่ ลุง-ป้า, น้า-อา

ประโยชน์ของการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน

ประโยชน์ของการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน

แม้จะมีกฎหมายมรดกที่ดินกำหนดวิธีแบ่งทรัพย์สินให้แก่ทายาทตามกฎหมาย แต่ความจริงคือ กฎหมายไม่ได้รู้ใจเจ้าของที่ดิน ว่าต้องให้ใครได้อะไรเป็นพิเศษ หรือมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงบางอย่าง เช่น เจ้าของอาจต้องการมอบที่ดินให้ทายาทที่ดูแลตัวเองในช่วงบั้นปลายชีวิต มอบให้ผู้ช่วยดูแลธุรกิจ หรือแม้แต่มอบที่ดินบางส่วนให้ใช้เพื่อการกุศล ดังนั้นการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน จึงเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เจ้าของที่ดินได้รับประโยชน์ ดังนี้

  1. กำหนดความประสงค์ของเจ้าของชัดเจน
    เจ้าของสามารถระบุได้ว่าใครจะได้รับที่ดิน หรือทรัพย์สินใดบ้างตามความเหมาะสม และเป็นไปตามความตั้งใจของตนเอง
  2. ลดความขัดแย้งในครอบครัว
    พินัยกรรมช่วยป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างทายาท เพราะทุกคนรู้ชัดเจนว่าการแบ่งทรัพย์สินเป็นไปตามเจตนาของเจ้าของที่มีการวางแผน และคิดทบทวนมาอย่างดีแล้ว
  3. จัดการทรัพย์สินได้ตามเงื่อนไขเฉพาะ
    เจ้าของสามารถกำหนดเงื่อนไขพิเศษ เช่น ให้ทายาทที่ดูแลตนเองในบั้นปลายชีวิต มอบแก่ทายาทผู้ที่ช่วยดูแลกิจการ หรือให้ใช้เพื่อการกุศลบางส่วน เพื่อให้การแบ่งมรดกเกิดความยุติธรรมต่อผู้ที่อุทิศตนและมีส่วนช่วยอย่างแท้จริง
  4. ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์รวดเร็วและเป็นระบบ
    การมีพินัยกรรมชัดเจนช่วยให้กระบวนการจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนทางกฎหมาย เพราะหากไม่มีพินัยกรรม และต้องแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทตามสัดส่วนเท่าๆ กัน อาจเกิดปัญหา และเกิดความล่าช้าได้ เช่น มีทายาทคัดค้าน หรือมีทายาทไม่สะดวกเดินทางมาโอนสิทธิ์
  5. สร้างความสบายใจให้เจ้าของ
    เจ้าของทราบว่าเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว ที่ดินและทรัพย์สินจะถูกจัดการตามความประสงค์ของตนจริงๆ ป้องกันความขัดแย้งของคนในครอบครัวที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง

แบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดิน

คนไทยหลายคนมักหลีกเลี่ยงการพูดถึงความตาย หรือการกระทำใดๆ ที่สื่อถึงการจากไป เพราะเชื่อว่าเป็นลางไม่ดี ส่งผลให้หลายครอบครัวไม่ได้วางแผนแบ่งทรัพย์สินล่วงหน้า เมื่อเกิดการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ปัญหาการจัดการมรดกจึงตกอยู่กับคนที่ยังอยู่

เพื่อป้องกันความสับสนและความขัดแย้ง เราจึงอยากชวนทุกคนมาวางแผนล่วงหน้า ด้วยการจัดทำพินัยกรรมมรดกที่ดินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินเป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของอย่างแท้จริง และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ด้วยหลักการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน ง่ายๆ ดังนี้

  1. การเขียนพินัยกรรมแบบธรรมดา: คือการพิมพ์ข้อความลงในกระดาษ ระบุรายการทรัพย์สิน สัดส่วน และผู้รับมรดก ลงวัน เดือน ปี  และสถานที่ทำเอกสาร พร้อมกับลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมทุกหน้า ต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน และพยานต้องลงลายมือชื่อรับรองด้วย
  2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ: ผู้ทำพินัยกรรมจะต้อง เขียนพินัยกรรมด้วยลายมือตนเองทั้งฉบับ ลงวัน เดือน ปี  และสถานที่ทำเอกสาร พร้อมลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมกำกับไว้ด้วย ทั้งนี้อาจมีพยาน หรือไม่มีพยานก็ได้ หากมีการขีดฆ่า-แก้ไข ให้ลงชื่อกำกับส่วนที่ขีดฆ่า-แก้ไขด้วย พินัยกรรมรูปแบบนี้ถือว่าสะดวกที่สุด ปลอมแปลงได้ยาก แต่ก็เหมาะกับการเขียนพินัยกรรมที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก และควรแจ้งให้คนใกล้ชิด หรือคนที่ไว้ใจได้ ทราบที่เก็บเอกสารด้วย เพราะหากไม่มีใครรู้ มรดกก็อาจจะไม่ได้ส่งมอบตามพินัยกรรมที่เขียนไว้

ตัวอย่างแบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดินแบบธรรมดา

ตัวอย่างแบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดินแบบธรรมดา


ตัวอย่างแบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดินแบบเขียนเองทั้งฉบับ

ตัวอย่างแบบฟอร์มพินัยกรรมมรดกที่ดินแบบเขียนเองทั้งฉบับ

ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน

ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการเขียนพินัยกรรมมรดกที่ดิน

เพื่อไม่ให้พินัยกรรมมรดกที่ดินที่เขียนขึ้นมาเป็นโมฆะ เจ้าของควรทำตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมายอย่างถูกต้อง ดังข้อต่อไปนี้

ข้อจำกัดตามกฎหมาย

การเขียนพินัยกรรมที่ดิน ให้สามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมาย ต้องคำนึงถึงข้อควรระวังดังต่อไปนี้

1. อายุของผู้ทำพินัยกรรม

  • ผู้ทำพินัยกรรมต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
  • ต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สามารถเข้าใจผลของพินัยกรรม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ

2. อายุและคุณสมบัติของพยาน

  • พยานต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
  • ต้องไม่เป็นผู้รับมรดกหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับทรัพย์สิน
  • ต้องมีความสามารถตามกฎหมายในการทำหน้าที่พยาน

3. ไม่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม

  • พินัยกรรมที่มีเงื่อนไขผิดกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมสังคม จะถือเป็น โมฆะ

ข้อควรระวังในการจัดทำ

นอกจากการกำหนดอายุของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน รวมถึงการระบุเงื่อนไขที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมแล้ว เพื่อให้พินัยกรรมสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเจ้าของที่ดิน และส่งต่อมรดกไปยังผู้รับได้อย่างราบรื่น ชัดเจนปราศจากความสับสน หรือข้อพิพาทใดๆ ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่ควรใส่ใจอย่างละเอียด ดังนี้

  1. ระบุรายละเอียดทรัพย์สินให้ชัดเจน
  • ต้องเขียนโฉนดที่ดิน เลขแปลง เนื้อที่ และที่ตั้งของทรัพย์สินอย่างละเอียด
    ระบุผู้รับมรดกให้ชัดเจน พร้อมความสัมพันธ์หรือเงื่อนไขเฉพาะ

2. การลงลายมือชื่อและพยาน

  • พินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมทุกหน้า
  • ต้องมี พยาน 2 คนขึ้นไป ลงลายมือชื่อพร้อมระบุเลขบัตรประชาชน
  • ควรให้พยานเซ็นพร้อมกันต่อหน้าเจ้าของพินัยกรรม

3. เก็บรักษาในที่ปลอดภัย

  • เช่น เก็บในตู้เซฟ หรือฝากไว้กับทนาย/สำนักงานที่เชื่อถือได้
  • แจ้งให้บุคคลใกล้ชิดหรือผู้จัดการมรดกรู้เพื่อเข้าถึงได้เมื่อจำเป็น

4. กำหนดเงื่อนไขพิเศษอย่างรอบคอบ

  • หากต้องการมอบให้ทายาทที่ช่วยดูแลตนเอง, ดูแลกิจการ, หรือใช้เพื่อการกุศล
    ต้องระบุชัดเจนเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดหรือข้อพิพาท

บทสรุป

แม้กฎหมายมรดกจะกำหนดการแบ่งทรัพย์สินตามลำดับทายาท แต่พินัยกรรมช่วยให้เจ้าของสามารถระบุผู้รับมรดก เงื่อนไขพิเศษ หรือการจัดสรรเพื่อให้เป็นไปตามความตั้งใจของตนเอง นอกจากนี้การปฏิบัติตามข้อควรระวังและข้อจำกัดทางกฎหมาย เช่น อายุของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน การระบุรายละเอียดทรัพย์สินอย่างชัดเจน การลงลายมือชื่อพร้อมพยาน และการเก็บรักษาพินัยกรรมในที่ปลอดภัย จะช่วยให้พินัยกรรมมีผลบังคับใช้จริง และลดความเสี่ยงถูกฟ้องเพิกถอนหรือโมฆะ

ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าและจัดทำพินัยกรรมมรดกที่ดินด้วยความรอบคอบ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทรัพย์สินถูกส่งต่ออย่างยุติธรรมตามความตั้งใจ แต่ยังสร้างความสบายใจให้เจ้าของ และลดปัญหาให้ลูกหลานได้ในอนาคต การทำพินัยกรรมมรดกที่ดิน จึงเป็นการดูแลทรัพย์สินและคนที่เรารักอย่างแท้จริง

สำหรับใครที่กำลังมองหา ที่ดิน สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่เว็บไซต์น่าอยู่ นอกจากนี้ยังมีสาระน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ติดตามกันอีกด้วยนะครับ

บทความแนะนำ

การแบ่งโฉนดที่ดินมรดก ต้องทำอย่างไร?

ภาษีมรดกคืออะไร ต้องเสียยังไงบ้าง เรื่องสำคัญที่ต้องรู้

เคลียร์ชัด ที่ดินมรดกต้องโอนภายในกี่ปี ลดเสี่ยงโดนฟ้อง-เสียสิทธิ์