ฤดูร้อนวนกลับมาอีกครั้ง สำหรับประเทศไทย ในหน้าร้อนปีนี้คนบุรีรัมย์ต้องเผชิญกับความร้อนระอุ อุณหภูมิสูงถึง 42 องศา ส่งผลเสียทั้งกับสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น โรคเพลียแดด ตะคริวแดด ผดร้อน และ โรคลมแดด เป็นต้น ซึ่งหากเผชิญกับความร้อนเป็นเวลานาน จนร่างกายเกิดทำงานผิดปกติ ร้ายแรงที่สุดอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแดดหรือบริเวณที่อากาศร้อนๆเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามความร้อนไม่ได้มีผลเสียแค่กับมนุษย์เพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงเหล่าสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า ซึ่งต้องหาวิธีคลายร้อน เพื่อให้สามารถเอาชีวิตรอดได้ในฤดูกาลนี้ และด้วยเหตุผลนี้เอง สัตว์ป่าหรือสัตว์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเขตชุมชน จึงมักแอบเข้ามาหาพื้นที่เย็นๆในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณ ห้องน้ำ ใต้ถุนบ้าน ซอกหลืบ บริเวณที่รกร้าง พื้นที่เกษตร เป็นต้น ซึ่งในวันนี้บุรีรัมย์น่าอยู่ จะพามาทำความรู้จักกับ 5 งูพิษ ที่เราควรระมัดระวังก่อนเกิดอันตรายต่อคนในครอบครัว จะมีสายพันธุ์อะไรบ้าง เราไปดูกันเลย


รู้จัก งูพิษอันตราย ควรหลีกเลี่ยง ก่อนเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต!


งูพิษ (Venomous Snake) คือสัตว์เลื้อยคลาน ที่มีต่อมพิษอยู่บริเวณเขี้ยว ซึ่งความรุนแรงของพิษในแต่ละสายพันธุ์ จะส่งผลต่อระบบอวัยวะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของพิษและปริมาณ ส่งผลโดยตรงกับระบบโลหิต ระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อ  

โดยเฉพาะในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีเขตป่าอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์เลื้อยคลานทั้งมีพิษและไม่มีพิษอาศัยอยู่ ผู้ที่มีบ้านในบุรีรัมย์ จึงควรหมั่นสังเกตและป้องกันไม่ให้งูพิษเข้ามายังภายในบ้าน รวมถึงป้องกันตนเองเมื่อต้องเข้าไปในพื้นที่เกษตร ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเจองูทั้งทุ่งนา สวนยาง หรือบนเขาพระอังคาร เขากระโดง และเขาพนมรุ้ง โดยงูพิษที่พบเห็นได้ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีดังนี้

1.งูจงอาง

หนึ่งในงูพิษที่พบได้ในจ.บุรีรัมย์ แม้จะไม่ค่อยเจอในเขตชุมชน แต่ควรระวังหากที่อยู่อาศัยมีขอบเขตใกล้ป่าหรือพื้นที่รกร้าง งูจงอางเป็นงูพิษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะภายนอกเป็นงูหัวกลมทู่ใหญ่ มีจุดเด่นที่สามารถแผ่แม่เบี้ย และ สามารถทำเสียงขู่คล้ายงูเห่าได้ มีความแตกต่างคือไม่มีลายดอกจันเหมือนงูเห่า ลำตัวเรียวยาว ส่วนใหญ่มีสีน้ำตาลแดงอมเขียว ใต้คอมักมีสีแดงหรือส้ม ส่วนช่องท้องจะมีสีเหลืองหรือสีขาว

2.งูเห่า

งูเห่าเป็นงูพิษที่พบบ่อยในบุรีรัมย์ โดยเฉพาะเห่าพ่นพิษ สามารถพบเห็นได้ตามทุ่งนา หรือในชุมชนที่มีการเลี้ยงสัตว์ งูเห่าจะมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ หัวสั้นและแบน มีตาค่อนข้างเล็กส่วนใหญ่จะเป็นสีดำมีลายขวาง ในบางพื้นที่มีสีลำตัวน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ไปจนถึงสีครีมนวล และด้านหลังของคอมีลวดลาย เรียกว่า “ดอกจัน” สีครีมหรือสีขาวที่เป็นจุดเด่นของสายพันธ์ุ

3.งูทับสมิงคลา

งูชนิดนี้มีชาวบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์พบเห็นบ่อยในเขตชุมชน เป็นงูที่อันตรายแต่มีลักษณะคล้ายกับงูไม่มีพิษอีกชนิดคือ งูปล้องฉนวน งูทับสมิงคลามีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ลำตัวยาว จุดเด่นคือมีสันบริเวณหลัง มีสีดำสลับขาว คล้ายทางม้าลาย หัวสีดำหรือสีเทาเข้ม ด้านท้องและใต้หางสีขาว

4.งูกะปะ

งูพิษในบุรีรัมย์ที่เคยมีข่าวถูกพบบนเขาพระอังคาร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นงูขนาดตัวปานกลาง เป็นงูพิษร้ายแรง ส่วนหัวและลำตัวด้านบนเป็นสีน้้าตาลแดงหรือสีน้้าตาลเทา มีลายเข้มเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายจรดที่สันหลัง หัวใหญ่เป็นสามเหลี่ยม สามารถกางซี่โครงออกได้กว้าง และสามารถทำตัวแบนได้ นอกจากนั้นงูกะปะยังมีความสามารถในการดีดตัว โดยจะทำตัวแบนแล้ว ดีดตัวพุ่งไปข้างหน้าได้ประมาณ 2-3 ฟุต

5.งูเขียวหางไหม้

งูเขียวที่มักเจอได้บนต้นไม้ ออกหากินสัตว์เล็กๆในชุมชน งูเขียวหางไหม้มีหลายชนิด หัวยาวมนใหญ่ คอเล็ก ตัวอ้วนสั้น ปลายหางมีสีแดงชัดเจน บางตัวมีหางสีแดงคล้ำเกือบเป็นสีน้ำตาล เป็นงูพิษอ่อน ไม่อันตรายถึงกับเสียชีวิต

และทั้งหมดนี่คือ งูพิษที่ผู้ซึ่งมีบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์ ควรระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในภายหลัง ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจสอบบริเวณบ้าน ทำความสะอาด และปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดเพื่อป้องกันงูพิษและสัตว์ที่มีพิษอันตรายอื่นๆ

ที่มา : สารานุกรมสัตว์. องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

🏡 @บุรีรัมย์น่าอยู่
รวมทุกเรื่องที่อยู่ของคนบุรีรัมย์
ลงฟรี #ตามหาง่าย ไม่มีค่าบริการ

🌐ชมเว็บไซต์บุรีรัมย์น่าอยู่ : บุรีรัมย์น่าอยู่ - เว็บไซต์อสังหาฯที่ครบที่สุดในบุรีรัมย์

☎️ติดต่อสอบถาม | TEL : 092-254-1846 / 080-010-4116
▪️Line Official : LINE Add Friend
▪️Tiktok : บุรีรัมย์น่าอยู่'s Creator Profile
▪️Instargram : @buriram.nayoo
▪️Youtube : Buriram NaYoo