วันนี้มาทำความรู้จักกับ "ระแนงไม้" กัน นอกจากการตกแต่งภายในบ้าน อาคาร ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามเป็นหลักแล้วนั้น ยังมีอีกส่วนที่ต้องการการใส่ใจไม่แพ้กัน นั่นคือภายนอกบ้าน อาคาร นอกจากตัวโครงสร้างของบ้านและอาคารแล้วบริเวณภายนอกยังต้องการการตกแต่งเหมือนกัน

การตกแต่งภายนอกสามารถบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี เจ้าระแนงไม้นี้ มีคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยตรงตามโจทย์ครบเลยทีเดียว ทั้งการใช้งานและความสวยงาม ทำให้บ้านเราดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ ใช้ตกแต่งผนังรั้ว

ทำไมถึงเรียกว่า "ระแนง" เนื่องจากวัสดุที่มีขนาดความยาวเท่าๆกันความหนาเท่าๆกัน เรียงต่อกันอยู่ในระนาบเดียวกัน โดยการเว้นช่องไฟเท่าๆกัน ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆคือ การเรียงตัวของซี่แปรงของหวี ที่ใช้หวีผมนั่นเอง

ประโยชน์ของระแนงมีอะไรบ้าง

1. บังแดด/บังลม

คุณสมบัติหลักๆของระแนงคือการบังแดดและลม การติดระแนงส่วนมากแล้วจะติดตั้งเพื่อบังหรือลดแสงที่ส่องเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ทั้งสามารถบังลมและลดการปะทะของลมได้เป็นอย่างดี

2. บังสายตา/เพิ่มความเป็นส่วนตัว

เนื่องจากระแนงนั้นวัสดุที่มีขนาดเท่ากันมาเรียงตัวต่อกันโดยเว้นระยะช่องไฟเท่าๆกัน จึงทำให้เกิดความทึบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่บ้านและสามารถลดการสอดส่องของเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี

3. ทำรั้วบ้าน/กั้นพื้นที่

ระแนงไม้สามารถนำมาทำรั้วบ้านและกั้นพื้นที่ได้และได้รับความนิยมเป็นส่วนมาก เนื่องจากสามารถตีได้หลายแนว แนวตั้ง แนวนอน แนวเฉียง ตามความชอบของเจ้าของบ้าน รั้วระแนงจะมีช่องไฟที่สม่ำเสมอ ถี่มากถี่น้อยแล้วแต่ความชอบ จึงทำให้รั้วบ้านหรือพื้นที่ที่เราต้องการแบ่งโซนดูโปร่งสบายและไม่อึดอัด ทำให้บ้านมีมิติและความเรียบเท่ขึ้นมาอีกระดับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความถี่ของระแนง วัสดุและความถี่ต่างกันอาจทำให้ความรู้สึกออกมาต่างกันได้เช่นกัน รวมทั้งการเลือกสีให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆด้วย

4. ตกแต่งเพื่อความสวยงาม

นอกจากระแนงสามารถทำรั้วบ้าน กั้นพื้นที่แบ่งโซน บังลม บังแดดได้แล้วนั้น ยังสามารถนำไปใช้ตกแต่งส่วนต่างๆของบ้านได้อีกด้วย เช่น หลังคาโรงรถ พื้น ผนังบ้าน จะทำให้บ้านเราดูมีลูกเล่น ดีเทลมากยิ่งขึ้น


ระแนง สามารถแบ่งได้ 3 ชนิดหลักๆ

คือ ระแนงไม้ธรรมชาติ ระแนงไม้สังเคราะห์ ระแนงเหล็ก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับระแนงไม้ธรรมชาติและระแนงไม้สังเคราะห์กันว่ามีกี่แบบกี่ชนิด

1. ระแนงไม้ธรรมชาติ

โดยส่วนมากใช้ไม้เนื้อแข็งจากธรรมชาตินำมาแปรรูปเพราะจะแข็งแรง ทนทานกว่า ทั้งนี้ยังมีระแนงไม้ที่ทำมาจากไม้สนที่เป็นไม้เนื้ออ่อนอีกด้วย ระแนงไม้ที่เป็นไม้ธรรมชาติ จะมีสีสัน ลวดลาย และผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้  แต่ระแนงไม้ธรรมชาติต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ระแนงไม้ชำรุดเสียหายได้ เช่น การยืดและหดตัวของไม้ซึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศและอุณหภูมิ การกัดแทะของมอดและปลวก ทั้งยังมีราคาสูงเลยทีเดียว

2. ระแนงไม้ที่ทำจากสังเคราะห์ สามารถแบ่งย่อยได้อีก 3 ชนิด

2.1 ระแนงไม้เทียม มาจากวัสดุที่เป็นพลาสติกคอมโพสิท (wood plastic composite) คือการนำพลาสติกมาผสมกับผงไม้หรือเศษไม้จริง แล้วนำมาขึ้นรูปโดยการบีบอัด รีด ทำให้แข็งแรง ทนทาน ไม่ติดไฟ สามารถเลือกสีได้หลากหลาย น้ำหนักเบา เหนียวกว่าชนิดไฟเบอร์ซีเมนต์ แต่ไม่ค่อยเหมือนไม้จริงสักเท่าไหร่ ขั้นตอนการเลือกสีควรแน่ใจว่าได้สีที่เราต้องการแล้วจริงๆ เพราะเราไม่สามารถทาสีทับลงไปได้

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้เทียมนำมาตกแต่งเป็น
ระแนงไม้บังตา  ระแนงไม้เทียม SCG : ขนาด 7.5x300x1.2 ซม. สีรองพื้น

2.2 ระแนงไม้ไวนิล วัสดุทำมาจากพลาสติก ทนต่อรังสี UV และแสงแดด ความสวยงามใกล้เคียงกับไม้จริง มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ไม่เกิดการยืดและหดตัวเหมือนไม้ธรรมชาติ

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้เทียมไวนิลนำมาตกแต่ง
ระแนงไม้เทียม SCG : ชุดระบบระแนงไวนิล เอสซีจี รุ่น Value set สีโอ๊ค

2.3 ระแนงไซเบอร์ซีเมนต์ วัสดุชนิดนี้จะมีความแข็งแรง ทนทานมากกว่าวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ประมาณ 10-15 ปีเลยทีเดียว เนื่องจากตัววัสดุมีส่วนผสมของเส้นใยธรรมชาติ ปูน ทรายและเศษไม้ ขึ้นรูปโดยการอัด ทำให้มีน้ำหนักมาก กรณีเกิดการชำรุดหรือแตกหักทำให้เห็นเศษปูนนั่นเอง ไม่สามารถทาสีทับได้ต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่เท่านั้น

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้ไซเบอร์ซีเมนต์ที่ใช้ตกแต่งในการทำโครงหลังคา
ระแนงไม้เทียม SCG : ไม้รั้ว เอสซีจี ขนาด 10x400x1.6 ซม.


ระแนงไม้ เรียงตัวแนวไหนเหมาะสมกับบ้านเรามากที่สุด?

1.แนวตั้ง

ให้ความรู้สึกมั่งคง หนักแน่น ความถี่มากจะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ปลอดภัย ห่างหน่อยก็จะโปร่งสบาย

ภาพ: ตัวอย่างห้องน้ำที่เลือกใช้สุขภัณฑ์ทรงกลมมน
สุขภัณฑ์  COTTO : C13430 รอนด้า 3/4.5L

2.แนวนอน

ให้ความรู้สึก กว้าง สงบนิ่ง เรียบง่าย

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้แบบตีแนวนอน

3. แนวเฉียง

ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง รวดเร็ว

ภาพ: ตัวอย่างระแนงไม้แบบตีแนวเฉียง 45 องศา

4.แนวเส้นตัดกัน

ให้ความรู้สึก ประสานกัน แข็งแรง มั่นคง มีมิติ มีทั้งแบบกากบาท และ ลายบวก

ภาพ: ตัวอย่างแนวเส้นตัดกัน

เป็นอย่างไรกันบ้างความกับข้อมูลความรู้ที่ #หัวหินน่าอยู่ นำมาแบ่งปันเกี่ยวกับระแนงชนิดต่างๆ เพื่อนสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบ้านของเพื่อนๆ เองได้เลยนะครับ

ติดตามข่าวสารอัปเดตเพิ่มเติมได้ทุกช่องทางที่
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/HuahinNayoo
Line Official Account : @HuahinNayoo