บ้านสไตล์ลอฟท์เกิดขึ้นในยุค 50s ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีสีลอฟท์ โดยมีศิลปินทำการดัดแปลงห้องใต้หลังคาโรงงานทิ้งร้างมาแสดงผลงานศิลปะและใช้เป็นที่อยู่อาศัย จนกลายเป็นย่านศิลปะที่ได้รับความนิยม ด้วยการตกแต่งผนังที่น้อยเน้นดูโล่ง โชว์ความเปลือย โครงสร้างภายในและผนังปูนเปลือย ดูโมเดิร์น เป็นระเบียบ แต่เรียบง่าย ต่อมามีคนสนใจทำโรงงานเป็นที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง เพราะค่าใช้จ่ายในการตกแต่งน้อย แต่กลับดูหรูหรา สวยทันสมัยโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ในปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้นแค่เพียงใช้สีลอฟท์ทาบนผนัง หรือบนพื้นทดแทนสีเดิมก็เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้มีสไตล์ลอฟท์ได้แล้ว ซึ่งบทความนี้น้องน่าอยู่จะพามารู้จัก สีลอฟท์คืออะไร มีกี่ประเภท เลือกทาสีลอฟท์ยังไงให้บ้านเย็นเหมาะกับอากาศเมืองไทย พร้อมเคล็ดไม่ลับในการทาสีให้บ้านดูหรู สวยทันสมัย และวิธีดูแลหลังทาสีให้สีสวยนานเหมือนใหม่
สีลอฟท์คืออะไร

สำหรับสีลอฟท์ คือ สีพิเศษที่ทำขึ้นมาใช้ทาตกแต่งบ้านหรือห้องต่าง ๆ โดยผลลัพธ์ที่ได้จะเปลี่ยนผนังหรือพื้นห้องธรรมดาให้ดูเหมือนห้องใต้หลังคาของโรงงานร้างที่มีความดิบ เท่ มีรสนิยมที่ดี มีความเนี้ยบ และเป็นระเบียบ ตอบโจทย์การแต่งบ้านได้หลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น มินิมอล สไตล์โมเดิร์น หรือสไตล์ลอฟท์ ตามไปอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่ ชวนทำความรู้จัก บ้านสไตล์ลอฟท์ ดิบ เท่ มีดีที่คนไม่ค่อยรู้
จุดเด่นที่สำคัญของการทาบ้านสีลอฟท์เมื่อทาเสร็จแล้วจะเห็นลวดลายของการปาดสีที่ชัดเจนเหมือนผนังปูนเปลือยจริง แต่ไม่เกิดผงฝุ่นที่เกิดจากการลอกกร่อนของผนังซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตได้ แล้วสีลอฟท์มีกี่ประเภท เลือกใช้ยังไงไปติดตามกันต่อได้เลยครับ
สีลอฟท์มีกี่ประเภท เลือกทาสีลอฟท์ยังไงให้ดูลงตัว
การเลือกสีลอฟท์ในการตกแต่งบ้านนั้น เพื่อนๆ อาจจะต้องพิจาณา 2 อย่างร่วมกัน ก็คือ เลือกตามพื้นผิวที่ทา และโทนสีที่ทา เมื่อเลือกประเภทสีที่เหมาะกับพื้นผิวได้แล้วการเลือกโทนสีที่เหมาะกับห้องจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ห้องน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
พื้นผิวที่ทา: แบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

- สีลอฟท์ภายใน: เป็นสูตรน้ำมีกลิ่นอ่อนไม่ฉุนใช้งานง่าย เหมาะกับพื้นผิวภายในอาคาร
- สีลอฟท์ภายนอก: เป็นสูตรน้ำมันมีความทนทานจากแดดและมลภาวะ เหมาะกับพื้นผิวภายนอกอาคาร
- สีวอลล์เปเปอร์ลายลอฟท์: เป็นสีน้ำอะคริลิกที่สร้างลายได้ ใช้ได้ทั้งผนังปูนใหม่ที่ยังไม่เคยทาสีมาก่อน หรือผนังปูนเก่าที่ผ่านการทาสีมาแล้ว
โทนสีที่ทา: แบ่งออกเป็น 4 โทนสี ได้แก่

- สีโทนธรรมชาติ (Natural Tones): มีสีเหมือนวัสดุธรรมชาติ ตัวอย่างสีลอฟท์ เช่น สีเทาจากปูนหรือคอนกรีต, สีอิฐจากอิฐมอญ, สีเบจจากขนสัตว์, สีน้ำตาลจากไม้ และสีขาวอ่อน ช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่น เข้าถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่ยังดูดิบตามบ้านสไตล์ลอฟท์ เหมาะกับทุกห้องที่ต้องการความโล่ง มีความเป็นธรรมชาติ
- สีโทนเย็น (Cool Tones) : ตัวอย่าง เช่น สีเทาอ่อน, สีเทาเข้ม, สีดำ, หรือสีขาวที่ให้ความรู้สึกเย็น ช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งสบาย ดูสบายสะอาตา และเป็นพื้นที่ที่ต้องการความทันสมัย เหมาะกับห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน ที่บ้านเปิดโล่งแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี
- สีโทนอบอุ่น (Warm Tones) : ตัวอย่างสี เช่น สีน้ำตาล, สีเบจ, สีส้มอ่อน หรือสีทอง ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นมิตร อบอุ่น และสะดวกสบาย เหมาะกับห้องรับแขก หรือห้องนอน
- สีทนเข้ม (Dark Tones) : ตัวอย่างสีที่มีสีเข้ม เช่น สีเทาเข้ม, สีดำ, สีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำเงินเข้ม ให้ความรู้สึกหรูหรา ลึกลีบ ดูมีเอกลักษณ์ เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่กว้าง ห้องทำงาน หรือห้องรับแขก
ข้อดีข้อควรระวังในการทาสีลอฟท์
จากหัวข้อก่อนหน้าน้องน่าอยู่ได้แนะนำประเภทสีลอฟท์กันไปแล้ว ที่นี้เรามาดูข้อดีข้อควรระวังในการทาสีลอฟท์กันบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหลายคนที่กำลังค้นหาว่าการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์นั้นเหมาะกับตัวเองหรือไม่
ข้อดี:
- ดูหรูทันสมัย มีสไตล์ : ช่วยสร้างบรรยายกาศที่ดูดิบ เท่ ทันสมัย เหมาะกับบ้านที่ต้องการดูหรู มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- โปร่งโล่ง สบายตา: จุดสำคัญของบ้านสีปูนลอฟท์ การตกแต่งที่น้อย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่มีฟังก์ชั่นทันสมัย ปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายได้สะดวก
- สีติดทน: สีมีความทนทานกว่าสีปกติทั่วไป ทนต่อการหลุดลอกได้ดี
- ดีต่อสุขภาพ: การใช้ปูนเปลือย หรืออิฐธรรมชาติโดยตรง อาจมีผงฝุ่นที่เกิดจากการสึกกร่อนของพื้นผิวก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาในภายหลังได้ หากใช้สีลอฟท์ก็จะดีต่อสุขภาพ
- ดูแลได้ง่าย: สีโทนเข้ม เช่น สีดำสีเทา จะไม่สะสมคราบต่างๆ จึงง่ายต่อการดูแลรักษา
ข้อควรระวัง:
- ร้อนกว่าปกติ: การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์นั้นจะควบคุมอุณหภูมิของบ้านได้ยากกว่า เพราะว่ามีพื้นที่โปร่งโล่งแสงธรรมชาติเข้าถึงง่าย หากอากาศร้อนก็จะทำให้บ้านร้อนกว่าปกติ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ชวนแต่งบ้านหน้าร้อนด้วยพัดลมไอเย็น เลือกพัดลมแบบไหนให้บ้านเย็นฉ่ำ
- ดูทื่อและแข็ง: หากต้องการห้องที่ให้รู้สึกความอบอุ่นอ่อนโยนการใช้โทนสีเย็นหรือเข้มไม่ค่อยเหมาะ ควรใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่มีสีขาวมาช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่เหมาะกับพื้นที่แสงน้อย: ห้องที่มีแสงน้อยควรใช้เลือกใช้สีอ่อนแทนการใช้สีโทนเข้มหรือเย็น เพราะว่าจะทำให้ห้องดูทึบเกิดความรู้สึกอึดอัดไม่น่าอยู่ได้
- ต้องมีความรู้เรื่องสี: เพราะว่าหากเลือกสีห้องไม่เหมาะกับวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ อาจจะทำให้ขาดความกลมกลืนดูไม่ลงตัว แนะนำไอเดียแต้งบ้านสไตล์ลอฟท์ รวม 5 แบบบ้านสไตล์ลอฟท์ชั้นเดียว บ้านสวย เท่ ยูนีค ไม่ซ้ำใคร
4 วิธีเลือกสีลอฟท์ให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย บ้านคูลสไตล์คุณ

ด้วยประเทศไทยเป็นประเทศที่อากาศร้อนการเลือกโทนสีลอฟท์ต้องมการใส่ใจ เป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้บ้านเย็นสบายน่าอยู่ในทุกฤดู น้องน่าอยู่ขอแนะนำ 4 วิธีเลือกสีลอฟท์สําเร็จรูปที่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยดังต่อไปนี้
1. เลือกโทนสีธรรมชาติและเย็น
ควรเลือกสีทาผนังลอฟท์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายโดยใช้โทนสีธรรมชาติและเย็น เน้นสีที่สะอาดตา โปร่ง ช่วยสะท้อนแสงได้ดี เช่น สีเทาอ่อน สีเทาผสมขาว สีขาว สีเบจ หรือสีน้ำตาลอ่อน
2. เทคนิคใช้สีที่สะท้อนแสง
การเลือกสีโทนสว่าง เช่น สีขาว สีเบจ สีครีม หรือจะเป็นสึเทาอ่อน เป็นโทนสีที่ช่วยการสะท้อนแสงจากภายนอกได้ดี เหมาะกับห้องที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้ห้องดูโปร่งเกิดการถ่ายเทอากาศ ลดความร้อนจากอากาศร้อนของเมืองไทยได้ดี
3. เลือกสีจากวัสดุ
การทาปูนลอฟท์ด้วยสีคอนกรีต หรือสีอิฐ นอกจากจะช่วยทำให้ห้องเกิดความรู้สึกเย็นแล้ว ยังคงสไตล์ลอฟท์ดั้งเดิมดูเท่ ทันสมัย เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้ดี
4. เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ
อีกเทคนิคในการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ให้ดูเย็น คือ การใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น การใช้ระแหนงไม้ช่วยบังแดด หรือประตูไม้มาตกแต่งช่วยให้ห้องดูเป็นธรรมชาติเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับอากาศร้อนของเมืองไทย
เคล็ดไม่ลับทาสีลอฟท์ยังไงเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้ดูหรู ทันสมัย
ต่อไปน้องน่าอยู่ได้รวบรวมเคล็ดลับเด็ดที่ทำให้การทาสีลอฟท์สวยคงทนเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้ดูหรูทันสมัยอยู่เสมอ มีวิธีทาสีดังต่อไปนี้
- เตรียมพื้นผิวให้พร้อม: หากเป็นพื้นผนังเก่าที่ผ่านการทาสีมาแล้วให้ทำการขัดสีเดิมออกให้หมด กำจัดเชื้อราให้เรียบร้อยจากนั้นค่อยทาสีลอฟท์ สำหรับพื้นผนังใหม่ทำความสะอาดให้เรียบก่อนทำการทาสีลอฟท์
- ทาบ้านสีลอฟท์: เริ่มด้วยการทาสีรองพื้นก่อนปล่อยให้แห้ง 1-2 ชั่วโมง จากนั้นทาผนังลอฟท์รอบแรกปล่อยให้แห้ง 2-4 ชั่วโมง ทำการทาสีลอฟท์ภายในรอบที่ 2 ปล่อยให้แห้ง 6 ชั่วโมง
- ทาสีเคลือบ: เมื่อทำการลงสีลอฟท์เรียบร้อยแล้วจะต้องทาสีเคลือบ เพื่อให้สีติดสวยทนนาน
วิธีดูแลหลังทาสีลอฟท์ให้สวยคงทน เหมือนใหม่
สำหรับวิธีการดูแลพื้นผิวหลังทาสีลอฟท์นั้น มีวิธีการดูแลที่ง่ายมากเมื่อมีฝุ่นมาเกาะที่ผนังทาสีลอฟท์ภายในให้นำผ้าแห้งมาเช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ ไม่ให้ผนังที่ทาสีลอฟท์ถูกความชื้นบ่อย เพราะความจะเกิดความชื้นสะสมจนเข้าชั้นผิวของสีได้
บทสรุป
จบกันไปแล้วสำหรับการแนะนำสีลอฟท์ พร้อมวิธีเลือกทาสีลอฟท์ให้เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทยที่น้องน่าอยู่นำมาฝากทุกคน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจตกแต่งบ้านตามสไตล์ลอฟท์กันนะครับ
สำหรับใครที่สนใจแบบบ้านนอร์ดิก, บ้านมินิมอล, บ้านสไตล์ลอฟท์, บ้านสไตล์โมเดิร์น สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่เว็บไซต์น่าอยู่ นอกจากนี้ยังมีบริษัทรับสร้างบ้าน ที่มีมาตรฐาน พร้อมให้บริการครบ จบที่เดียวเลยครับ
บทความแนะนำ