เหล็ก C หรือที่รู้จักกันในชื่อ C-Chanel คือเหล็กรูปพรรณที่มีหน้าตัดรูปตัว C ผลิตจากเหล็กแผ่นรีดร้อนผ่านกระบวนการขึ้นรูปเย็น จนได้โครงสร้างที่เบาแต่ยังคงความแข็งแรง เหมาะสำหรับใช้ในงานก่อสร้างประเภทโครงสร้างเบา เช่น โครงหลังคา โครงผนัง เฟรมงานตกแต่ง หรืองานประกอบทั่วไป
ลักษณะทางกายภาพของเหล็ก C
เหล็ก C มีความยาวตามมาตรฐาน 6 เมตร และมีหลากหลายขนาด เช่น 75x45, 100x50, 125x50, และ 150x50 มม. โดยแต่ละขนาดจะมีความหนาให้เลือกหลายระดับ ซึ่งสามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งานได้ตามความต้องการ

ข้อดี ข้อเสีย ของเหล็ก C
✅ ข้อดีของเหล็ก C | ⚠️ ข้อเสียของเหล็ก C |
---|---|
น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายและติดตั้งได้สะดวก | รับน้ำหนักได้น้อย ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ |
ราคาประหยัด ช่วยลดต้นทุนในงานก่อสร้าง | มีโครงสร้างเปิด เสี่ยงต่อการเกิดสนิมถ้าไม่ได้เคลือบ |
ตัด เชื่อม เจาะ ประกอบได้ง่าย | ไม่แข็งแรงเท่าเหล็ก I-Beam หรือ H-Beam |
มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน | อาจเกิดการโก่งงอได้ถ้าใช้งานเกินโหลดที่รองรับ |
เหมาะสำหรับงานโครงหลังคา ผนังเบา เฟอร์นิเจอร์ DIY | ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงหรือความทนถาวรสูง |
การใช้งานของเหล็ก C
เหล็ก C ถูกนำไปใช้ในหลากหลายประเภทของงาน เช่น โครงหลังคา โครงผนังเบา โครงเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงงานต่อเติมอาคารที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก
สำหรับโครงหลังคา เหล็ก C มักถูกเลือกใช้เป็นโครงสร้างรองแปและจันทัน เนื่องจากสามารถรับน้ำหนักของแผ่นหลังคาได้ดีในขณะที่ยังรักษาความเบาของโครงสร้างโดยรวม ส่วนในงานผนังเบา เหล็ก C ถูกนำมาประกอบเป็นโครงคร่าวเพื่อยึดแผ่นยิปซัมหรือแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรงและความเรียบของผนัง นอกจากนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์เหล็กหรือชั้นวางของที่ต้องการน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และประหยัดต้นทุน

ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและการใช้งานที่ครอบคลุม เหล็ก C จึงกลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านโครงสร้าง ความคุ้มค่า และความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของบ้านหรือผู้รับเหมาในโครงการขนาดเล็กถึงกลาง
วิธีเลือกซื้อเหล็ก C ให้คุ้มค่า
1. เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน
เหล็ก C มีหลายขนาด เช่น 75x45, 100x50, 125x50 ไปจนถึง 150x50 มม. ขึ้นอยู่กับความหนาและการใช้งาน
งานทั่วไป เช่น ผนังเบา เฟอร์นิเจอร์ → ใช้ขนาดเล็ก เช่น 75x45 หรือ 100x50
งานโครงสร้าง เช่น โครงหลังคาโรงงาน → ใช้ขนาดใหญ่ เช่น 125x50 หรือ 150x50
เลือกขนาดที่พอดี ช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและน้ำหนักของโครงสร้าง
2. ตรวจสอบมาตรฐาน มอก.
ควรเลือกเหล็ก C ที่ได้รับมาตรฐาน มอก. (มาตรฐานอุตสาหกรรม) เพื่อความปลอดภัยในงานก่อสร้าง มอก. รับรองว่าคุณภาพของเหล็กตรงตามเกณฑ์ด้านความแข็งแรง ความหนา และส่วนประกอบทางเคมี ซึ่งสำคัญมากสำหรับงานโครงสร้าง
3. เลือกความหนาให้เหมาะสม
เหล็ก C มีหลายความหนา เช่น 1.6 มม., 2.3 มม., หรือมากกว่านั้น ความหนามากช่วยให้รับน้ำหนักได้ดีขึ้น
งานภายในหรือเฟอร์นิเจอร์ → ใช้ความหนาน้อย ประหยัดค่าใช้จ่าย
งานรับแรงหรือใช้ภายนอก → ใช้ความหนาสูงเพื่อความทนทาน
4. การเคลือบ
4.1 เคลือบกัลวาไนซ์ (Galvanized)
เป็นการเคลือบผิวด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันสนิม มีทั้งแบบเคลือบร้อน (Hot-dip Galvanized) และแบบชุบเย็น (Electro Galvanized)

✅ เหมาะกับงานภายนอกหรือพื้นที่มีความชื้น
✅ อายุการใช้งานยาวนาน
⚠️ ราคาสูงกว่าเหล็กดำ
4.2 เหล็กดำ (Black Steel)
ไม่มีการเคลือบใด ๆ เป็นเหล็กเปลือย มักใช้ในงานภายในหรือบริเวณที่ไม่สัมผัสน้ำหรือความชื้นโดยตรง

✅ ราคาถูกกว่ามาก
⚠️ ต้องทาสีกันสนิมเพิ่มหากใช้ภายนอก
4.3 การเคลือบสีรองพื้นกันสนิม (Red Oxide Primer)
นิยมใช้กับเหล็ก C เพื่อป้องกันการเกิดสนิมก่อนนำไปใช้งานหรือก่อนทาสีจริง
✅ เพิ่มความทนทานก่อนใช้งานจริง
⚠️ ไม่ใช่การป้องกันถาวร ควรทาสีทับอีกชั้น
ความคุ้มค่าของเหล็ก C
เหล็ก C (C-Chanel) มีความคุ้มค่าสูงสำหรับงานโครงสร้างเบา เพราะมีราคาถูก น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะในงานโครงหลังคา ผนังเบา งานต่อเติม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องการรับแรงสูงมาก จึงเหมาะกับงานก่อสร้างที่เน้นความรวดเร็วและงบประมาณจำกัด อย่างไรก็ตาม ถ้าในบางกรณีไม่สามารถใช้เหล็ก C ได้ หรือมีเหตุผลต้องเปลี่ยนวัสดุ ยังสามารถเลือกใช้เหล็กประเภทอื่นแทนได้ เช่น
เหล็กที่สามารถใช้แทนเหล็ก C ได้
🔩 เหล็กที่ใช้แทนได้ | ✅ ข้อดี | ⚠️ ข้อควรพิจารณา |
---|---|---|
เหล็กกล่อง (Box Steel / Rectangular Tube) | รูปทรงปิด สวยงาม แข็งแรงกว่าตัว C | ราคาสูงกว่า และน้ำหนักมากกว่า |
เหล็กตัวซี (Light Lip C-Chanel) | คล้ายเหล็ก C แต่บางกว่า ประหยัดกว่า | รับน้ำหนักน้อยกว่า ใช้ได้เฉพาะงานเบาเท่านั้น |
เหล็ก I-Beam | แข็งแรงกว่า รองรับน้ำหนักได้มาก | น้ำหนักเยอะ ติดตั้งยาก ราคาสูงกว่า |
เหล็ก T-Bar | ใช้ในงานเสริมโครงสร้างและตกแต่งได้ดี | ไม่เหมาะเป็นโครงสร้างหลัก รับแรงจำกัด |
เหล็กแผ่นพับขึ้นรูปตามแบบ | สามารถสั่งพับเป็นรูป C หรือ U ได้ตามขนาดที่ต้องการ | ต้องสั่งผลิตพิเศษ ราคาสูงกว่าทั่วไปในบางกรณี |
บทสรุป
เหล็ก C หรือ C-Chanel คือเหล็กรูปพรรณที่มีหน้าตัดคล้ายตัว C นิยมใช้ในงานโครงสร้างเบา เช่น โครงหลังคา ผนัง โครงเฟอร์นิเจอร์ และงานต่อเติมต่าง ๆ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก จุดเด่นของเหล็ก C คือสามารถตัด เชื่อม และเจาะได้ง่าย มีขนาดให้เลือกหลากหลายตามมาตรฐานอุตสาหกรรม แม้จะไม่แข็งแรงเท่าเหล็ก H-Beam หรือ I-Beam แต่ถ้าเลือกใช้อย่างเหมาะสมก็ให้ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในงานก่อสร้างทั่วไปได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ควรเลือกเหล็กที่ผ่านมาตรฐาน มอก. และมีการป้องกันสนิมหากใช้งานภายนอกอาคาร
สำหรับใครที่กำลังมองหาซื้อบ้านสุรินทร์ หรือหอพักสุรินทร์ สามารถเข้ามาเลือกชมบ้าน ที่ดิน หอพักและบริษัทรับสร้างบ้านได้ที่เว็บไซต์สุรินทร์น่าอยู่ นอกจากนี้พวกเรายังมีบทความอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับจังหวัดสุรินทร์อีกมากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่เที่ยวสุรินทร์ และสาระน่ารู้ต่างๆมาฝากเพื่อนๆทุกคนอีกด้วยนะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
แชร์บทความนี้