สีทาบ้าน เลือกอย่างไรให้สวยงาม ติดทนนาน
สีทาบ้านเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มสีสัน สร้างบรรยากาศให้กับบ้านของเรา แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า สีทาบ้านที่ใช้กันอยู่นั้น มีกี่ชนิด และมีองค์ประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญอะไรบ้าง วันนี้ขอนแก่นน่าอยู่ จะพาไปรู้จักองค์ประกอบการใช้งานสีทาบ้านเพื่อนำไปเลือกใช้ให้เหมาะสม ทำให้สีติดทนนาน และปลอดภัยต่อสุขภาพคนในบ้าน จะมีอะไรบ้างตามดูมากันเลย
ส่วนผสมของสีทาบ้านมีอะไรบ้าง ?
1.ผงสี
สีสันจากเฉดสีที่เป็นตัวเลือกให้มากมาย เกิดจาก “ผงสี” ที่เป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดสีมาปิดบังสีพื้นผิวเดิม ทำให้เราเห็นว่าสีนี้คือสีอะไร และทำให้เกิดความสวยงามกับผนังบ้าน มักใช้ผงสีที่เป็นสารอินทรีย์ เช่น โมโนอะโซ พิกเม้นท์ (monoazo pigment) และส่วนผสมที่เป็นอนินทรีย์ เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์ แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นต้น
2.สารยึดเกาะ หรืออะครีลิค
สารยึดเกาะเป็นส่วนสำคัญของสีทาบ้าน เพราะสารนี้จะคอยทำหน้าที่ยึดประสานผงสีหรือสารให้สีเข้ากับสารยึดเพื่อยึดเกาะให้ติดกับพื้นผิว และทำหน้าที่เคลือบพื้นผิวที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ให้สีมีความเงางาม สารยึดที่เป็นองค์ประกอบหลักจะกระจายในรูปของอิมัลชันมีลักษณะสีขาวขุ่นคล้ายกาวหากยังไม่ได้ผสมกับผงสี เมื่อผสมกับผงสีจะให้เนื้อสีตามผงสี ลักษณะที่ดีของสารยึดเกาะ คือ
– สามารถแห้งตัวได้เร็ว
– มีความยืดหยุ่น เหนียว ไม่เปราะง่ายเมื่อแห้งตัว
– ทนต่อสภาพความเป็นกรด แสงแดด ความชื้น และสภาพแวดล้อมด้านอื่นๆ
3.ตัวทำละลาย
สารที่ทำหน้าที่ไม่ให้สีจับเป็นก้อนและช่วยให้สารยึดเกาะกับผงสีเป็นเนื้อเดียวกัน ถือเป็นส่วนประกอบที่มากที่สุด เพื่อให้มีความหนืดที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เช่น น้ำ
4.สารเติมแต่ง
เป็นสารปรุงแต่งต่าง ๆ ที่ใช้ผสมในสีทาบ้านโดยใช้เติมเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สีทาบ้านมีคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ป้องกันการเกิดฟองของสี ป้องกันการบูดเน่าของสี เพิ่มการกระจายตัวของสี เพิ่มแรงยึดเกาะพื้นผิวให้ทนนาน เพิ่มความเรียบเนียน เพิ่มความมันเงา ช่วยป้องกันแสงแดด ป้องกันความชื้น ป้องกันเชื้อรา เป็นต้น
สารที่ใช้เติมบางชนิดมักมีโลหะหนักเป็นส่วนผสม ซึ่งปัจจุบันอาจเลิกใช้หรือบางชนิดยังมีอยู่ในองค์ประกอบอยู่ เช่น ปรอท และตะกั่ว โดย มอก. ประกาศกำหนดให้มีปริมาณปรอทเป็นส่วนประกอบไม่เกินร้อยละ 0.05 ตะกั่วไม่เกินร้อยละ 0.06 นั่นเอง ฉะนั้นก่อนซื้อ ควรเลือกสีที่มีสารปรอท ตะกั่ว ให้น้อยหรือไม่มีเลยจะดีที่สุด
เลือกสีทาบ้านควรเลือกให้เหมาะตามการใช้งาาน
ซึ่งสีแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเลือกโดยพิจารณาลักษณะการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งมีข้อควรพิจารณาอยู่ 2 เรื่อง
1. พื้นผิวที่ต้องการทา : ต้องรู้ก่อนว่าพื้นผิวที่ต้องการทาเป็นวัสดุชนิดใด ทาสี ไม้จริง ไม้เทียม ตอนกรีต หลังคา หรือ ทาสีเหล็ก
2. พื้นที่ที่ต้องการทา : ดูว่าจะใช้ทาภายนอกหรือภายในอาคาร ซึ่งโดยทั่วไปพื้นที่ภายนอกต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรงกว่าภายใน
ประเภทของสีทาบ้าน
สีทาบ้านจะที่ใช้กันอยู่ทั่วไปหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทางที่ดีเราจึงควรเช็คให้ดีว่าสีที่เราต้องการนั้น มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่หรือเปล่า
1.สีทาบ้าน ประเภทสีน้ำมัน เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Solvent) สีน้ำมันเป็นสีชนิดหนึ่งที่เมื่อทาแล้วค่อนข้างสวยงามเพราะเอกลักษณ์ของสีประเภทนี้คือความเงางาม มีจุดเด่นที่มีความวาววับจากการสะท้อนแสง แต่มีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูงและแห้งช้า สีน้ำมันค่อนข้างเหมาะกับการใช้ทาบนผิวเหล็กหรือไม้ เช่น ประตูรั้วบ้าน ราวโลหะ หรือ ประตูรั้ว ไม่นิยมใช้ทาบนซีเมนต์,คอนกรีต และ ไม้เทียม เพราะอายุการใช้งานสั้น
2.สีทาบ้าน ประเภทสีอะคริลิก (สีพลาสติก) เป็นชนิดที่คุ้นเคยกันมากที่สุด ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะสำหรับใช้ทาบนพื้นผิวที่เป็นซีเมนต์ คอนกรีต รวมถึงกระเบื้อง เพื่อให้ได้สีสันที่สวยงาม โดยสีอะคริลิกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีทาภายนอกและสีทาภายใน
- สีทาภายนอก ถูกออกแบบมาให้พร้อมเผชิญกับสภาวะแดดและฝนโดยตรง เพิ่มคุณสมบัติให้ใช้งานได้ดีและยาวนาน จึงมีความทนทานกว่าและมีราคาที่สูงกว่าสีทาภายใน
- สีทาภายใน ถูกออกแบบมาให้ใช้ทาภายในอาคารเท่านั้นเพราะไม่จำเป็นต้องทนแดดทนฝน สีทาภายในก็มีข้อดีที่มีกลิ่นและสารเคมีเบาบางกว่าสีทาภายนอก
3.สีทาบ้าน ประเภทสีทาไม้ เป็นอีกหนึ่งประเภทของสีที่นิยมใช้กันในการตกแต่งบ้าน และแน่นอนว่าชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นสีที่เหมาะกับงานไม้ สามารถใช้สีประเภทนี้กับการทาสีโครงสร้างที่เป็นไม้ไม่ว่าจะเป็นตัวกำแพงไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ หรือ ผนังไม้ ล้วนแล้วแต่สามารถใช้สีประเภทนี้ได้ทั้งหมด คุณสมบัติของสีทาไม้จะให้ความเงางามกับไม้จนดูมีความสวยงาม และมันยังช่วยให้สีของไม้ดูสดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ปริมาณของถังสีทาบ้าน
การเลือกสีทาบ้านในปริมาณที่มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน สีทาบ้าน 1 ถังมักจะมีปริมาตร 1 แกลลอนหรือ 5 แกลลอน โดยหน่วยที่ใช้วัดคือ แกลอน (1 แกลอน = 3.785 ลิตร) แบ่งออกเป็น 4 ขนาดด้วยกันคือ
1 /4 แกลอน = 0.946 ลิตร
1 แกลอน = 3.785 ลิตร
2.5 แกลอน = 9.46 ลิตร
5 แกลอน =18.925 ลิตร
วิธีคำนวณพื้นที่ทาสี
1 . หาพื้นที่ทั้งหมดของผนังห้องทั้ง 4 ด้าน โดยใช้สูตรง่ายๆ คือ 2 (กว้าง + ยาว) x สูง
2 . หักลบพื้นที่ประตูหน้าต่างโดยคำนวณหาพื้นที่ใช้สูตร กว้าง x สูง
3. เมื่อได้จำนวนพื้นที่ที่ต้องทาสีแล้ว ให้นำค่าที่ได้มาคำนวณหาปริมาณของสีที่ต้องใช้ ดังนี้
พื้นที่บ้านของเรา ÷ พื้นที่ใช้งานต่อตารางเมตรของสี (ระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์)
หลังจากได้ปริมาณของสีที่ต้องใช้ทาบ้านแล้วให้นำตัวเลขมาเปรียบเทียบกับขนาดของสีที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ทั้งนี้อย่าลืมว่า การทาสีให้ได้คุณภาพนั้น จะต้องทาด้วยกันทั้งหมด 3 รอบ คือทาสีรองพื้น 1 รอบ และทาสีจริงอีก 2 รอบเพื่อให้เนื้อสีติดแน่นทนนาน โดยให้คูณ 3 เข้าไปในจำนวนสีที่ต้องใช้ด้วย
เทคนิคทาสีบ้านด้วย กฏ 60-30-10 - สัดส่วนง่ายๆ ที่ใช้ได้เสมอ
เลือกใช้สีหลัก ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ 60% ตกแต่งไฮไลท์ผนังด้านหนึ่งอีก 30% ด้วยสีที่เข้มหรือสดกว่า เพิ่มความสะดุดตา ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่ง อีก 10% กับอีกน้ำหนักสีที่แตกต่าง
สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารดีๆที่จะช่วยตอบโจทย์ในการช่วยคุณที่พักอาศัย
กดติดตาม "ขอนแก่นน่าอยู่" หาบ้าน ที่ดิน คอนโด หอพัก ทั่วเมืองขอนแก่น🏡🏡 ทั้งบ้านมือ1, มือ2 เพิ่มเติมได้ที่
⭕️ Website : www.nayoo.co (ไม่มี m)
⭕️ Facebook : ขอนแก่นน่าอยู่
⭕️ YouTube : https://www.youtube.com/c/khonkaennayoo