HIGHLIGHTS

ประเพณี แซนโฎนตา คือวันกตัญญูของชาวเขมรสุรินทร์ ที่ลูกหลานพร้อมใจกันทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษ ผ่านพิธีเบ็ญฑ์ตู๊จ ไงแซนโฎนตา และเบ็ญฑ์ธม สะท้อนความรัก ความผูกพัน และความอบอุ่นของครอบครัวและชุมชน


แซนโฎนตา ถือเป็นหนึ่งในประเพณีสำคัญของชาวไทยเชื้อสายเขมรในจังหวัดสุรินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง ที่สะท้อนถึงความกตัญญูและการระลึกถึงบรรพบุรุษ งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำบุญตามความเชื่อ หากยังเป็นวันที่ครอบครัวกลับมาพร้อมหน้า ร่วมทำกิจกรรมและสืบทอดวัฒนธรรมอันงดงาม อันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ สุรินทร์น่าอยู่ อย่างแท้จริง

แซนโฎนตา ประเพณีอันทรงคุณค่าแห่งสุรินทร์

ความหมายของประเพณีแซนโฎนตา

คำว่า แซนโฎนตา มาจากภาษาเขมร แปลตรงตัวว่า "การเซ่นไหว้บรรพบุรุษ" ชาวสุรินทร์เชื่อว่าช่วงปลายเดือน 10 เป็นเวลาที่ดวงวิญญาณจะกลับมาเยี่ยมครอบครัว ลูกหลานจึงจัดพิธีทำบุญ อุทิศส่วนกุศล และไหว้สิ่งของต่างๆ เพื่อแสดงถึงความกตัญญูและความรักที่มีต่อบรรพบุรุษ


ประเพณีแซนโฎนตา ตรงกับวันไหน

ประเพณีนี้มักจะจัดขึ้นในวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี โดยเชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะกลับมาเยี่ยมลูกหลาน การจัดเตรียมพิธีกรรมต่างๆ จึงมีความสำคัญเพื่อแสดงความกตัญญู และเพื่อให้วิญญาณนั้นกลับอย่างสงบ

ประเพณีแซนโฎนตา 2568 ตรงกับวันไหน

  • เบณฑ์ตูจ ตรงกับวันที่ 7 กันยายน 2568
  • วันแซนโฎนตา ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2568
  • เบณฑ์ธม ตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2568

ของไหว้ที่ขาดไม่ได้

ในงาน แซนโฎนตา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือของเซ่นไหว้ ที่ลูกหลานต้องจัดเตรียมให้ครบถ้วน เช่น

  • ขนมพื้นบ้านที่สื่อถึงความผูกพัน เช่น ข้าวต้มหาง ขนมเทียน ขนมใส่ไส้ กันเตรือม ขนมกันตางราง ขนมนางเล็ด ขนมไข่หงส์ ขนมข้าวเกรียบ ขนมข้าวพอง เป็นต้น
  • ผลไม้ 5 อย่าง เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่พบได้บ่อย เช่น กล้วยน้ำว้าสุก และมะพร้าว
  • อาหารคาวหวาน ที่บรรพบุรุษเคยชอบรับประทาน
  • เหล้า น้ำอัดลม หรือบุหรี่ ตามความเชื่อท้องถิ่น
ของไหว้แซนโฎนตา

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงอาหาร แต่ยังเต็มไปด้วยความหมายที่สื่อถึงความห่วงใยและการให้เกียรติผู้ล่วงลับ


พิธีกรรมสำคัญในช่วงแซนโฎนตา

พิธีกรรมสำคัญในช่วงแซนโฎนตา

เบณฑ์ตูจ (พิธีเล็กภายในครอบครัว)

เป็นพิธีที่จัดในบ้านหรือในครัวเรือน โดยผู้อาวุโสจะเชิญลูกหลานมา พร้อมตั้ง “กันจือเบ็น” ซึ่งคือกระเช้าหรือภาชนะบรรจุข้าวของ เครื่องเซ่น และเสื้อผ้าเพื่อใช้ในพิธี โดยจัดอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงจุดธูป เทียน เรียกดวงวิญญาณบรรพบุรุษมารับการเซ่นไหว้ ถือขันห้า รินน้ำและเครื่องดื่มให้บรรพบุรุษรับเป็นสัญญาณการมาด้วยความกตัญญู

วันกันซ็อง หรือกันเบ็ณฑ์

หลังจากวัน เบ็ญฑ์ตู๊จ ก็จะเข้าสู่วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ชาวบ้านจะพากันไปถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ในชุมชน ซึ่งทุกวัดจะมีเจ้าภาพเวียนกันมาดูแลรับผิดชอบกิจกรรมในแต่ละวัน ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ ไปจนถึงแรม 14 ค่ำ เดือน 10 บางครอบครัวอาจรับหน้าที่เจ้าภาพมากกว่าหนึ่งวัด หรือหลายวันติดต่อกัน หากเจ้าภาพมีไม่เพียงพอ โดยเจ้าภาพจะมีบทบาทสำคัญทั้งดูแลกิจการภายในวัด ปรนนิบัติพระเณร และคอยเชิญชวนญาติพี่น้องมาร่วมทำบุญในวันนั้นๆ ด้วย

ไงแซนโฎนตา (วันสำคัญที่สุด)

ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี หมายถึงวันสุดท้ายของการทำพิธี ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อทำพิธีใหญ่ โดยเชื่อว่าจะเป็นวันที่ลูกหลานต้องกลับบ้านเพื่อไปรวมเขียนกัน จากนั้นจะร่วมกันเซ่นไหว้ เชิญบรรพบุรุษ และรับเครื่องเซ่นไหว้ร่วมกันอย่างอบอุ่น

เบณฑ์ธม (พิธีใหญ่ในชุมชน)

ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี (หลังวันแซนโฎนตา) พิธีนี้จัดขึ้นที่วัดหรือสถานที่กลางชุมชน เชิญพระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร และอุทิศบุญให้บรรพบุรุษ เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในชุมชน และเป็นการเชื่อมสายใยระหว่างครอบครัวกับชุมชนอย่างเข้มแข็ง


แซนโฎนตากับวิถีชีวิตคนสุรินทร์

หากพูดถึงจังหวัดสุรินทร์ นอกจากเรื่องช้างและผ้าไหมแล้ว ประเพณีดังกล่าว ก็ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้บ้านเมืองนี้ “น่าอยู่” เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อ ความศรัทธา และวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบชาวอีสานใต้ที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและบรรพบุรุษ


สีสันและกิจกรรมในงานแซนโฎนตา

นอกจากพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว หลายชุมชนยังมีการจัดงานรื่นเริง เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การฟ้อนรำ และการละเล่นต่างๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้สนุกสนานและเรียนรู้ไปพร้อมกัน ทำให้วันนี้ ไม่ได้เป็นแค่การทำบุญ แต่ยังเป็น “เทศกาลแห่งความสุข” ของคนในจังหวัดสุรินทร์


คุณค่าที่ควรส่งต่อ

สิ่งที่ทำให้ประเพณี แซนโฎนตา ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ คือ “คุณค่าของความกตัญญู” และ “ความสามัคคีในครอบครัว” นี่คือบทเรียนสำคัญที่ควรส่งต่อให้คนรุ่นหลัง เพื่อให้วัฒนธรรมดีๆ นี้คงอยู่ต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่พิธีกรรม แต่คือรากเหง้าที่เชื่อมโยงคนสุรินทร์เข้าด้วยกัน


สรุป

สุรินทร์น่าอยู่ กับประเพณี แซนโฎนตา จึงไม่ใช่เพียงประเพณีทำบุญ แต่คือวันที่เต็มไปด้วยความหมายของ “บ้าน” และ “ความสัมพันธ์” เรียกได้ว่าวันเบณฑ์ตูจ วันแซนโฎนตา และ วันเบณฑ์ธม คือแก่นสำคัญของความกตัญญูและความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ทำให้สุรินทร์เป็นเมืองที่ “น่าอยู่” มากกว่าแค่สถานที่ เพราะมีหัวใจของคนที่ห่วงใยกันและกัน

บทความที่คุณอาจสนใจ


สำหรับใครที่กำลังมองหาซื้อบ้านสุรินทร์ หรือหอพักสุรินทร์ สามารถเข้ามาเลือกชมบ้าน ที่ดิน หอพักและบริษัทรับสร้างบ้านได้ที่เว็บไซต์สุรินทร์น่าอยู่ นอกจากนี้พวกเรายังมีบทความอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับจังหวัดสุรินทร์อีกมากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่เที่ยวสุรินทร์ และสาระน่ารู้ต่างๆมาฝากเพื่อนๆทุกคนอีกด้วยนะ


แชร์บทความ

แชร์บทความนี้