Recap งานสัมมนาคนสร้างบ้าน บุรีรัมย์ – สุรินทร์ : เมื่อ Data ขับเคลื่อนอนาคตวงการอสังหาฯ
จบลงไปแล้วกับ น่าอยู่สัญจร "งานสัมมนาคนสร้างบ้าน บุรีรัมย์ – สุรินทร์ " เจาะลึกธุรกิจอสังหาฯ บุรีรัมย์–สุรินทร์ 2568 ในหัวข้อ Data-Driven Marketing วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ใครที่พลาดไปไม่ต้องเสียใจ เพราะ น้องบุรีรัมย์น่าอยู่ ขออาสาสรุปทุกประเด็นสำคัญบนเวทีมาเสิร์ฟให้นักพัฒนาฯ บ้านบุรีรัมย์ ถึงที่! โดยจะช่วยเปลี่ยนเกมการตลาดด้านอสังหาฯ ท้าทายโจทย์ใหม่ในโลก ที่ดีมานด์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
Data-Driven Marketing: เปลี่ยน “การเดา” เป็น “การเข้าใจ” ลูกค้า
ในยุคที่ลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้อบ้านจากคำโฆษณาเพียงอย่างเดียว การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล Data-Driven Marketing คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาอสังหาฯ เข้าใจลูกค้า โดยช่วยเจาะ “กลุ่มลูกค้าศักยภาพ” เพื่อให้เจอ “คนพร้อมซื้อ” ได้มากขึ้น “ในงบการตลาดที่เท่าเดิม”
และสำหรับงานสัมมนาคนสร้างบ้าน บุรีรัมย์ – สุรินทร์ ครั้งนี้ ขอพาทุกท่านไปเรียนรู้การตลาดแบบ Data-Driven Marketing หรือการทำตลาดด้วยข้อมูลเชิงลึก (Data) บน แพลตฟอร์ม Nayoo.co รวมถึงประสบการณ์ด้านอสังหาฯ จาก 4 กูรู ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดและอสังหาฯอีสานใต้ โดยจะช่วยเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ให้กลายเป็น “พฤติกรรมที่ใช่” “กลุ่มเป้าหมายที่แม่น” และ “กลยุทธ์ที่เวิร์ก” เพื่อให้นักพัฒนาอสังหาฯ สามารถใช้ต่อยอด และปรับตัวกับธุรกิจของตนเองได้อย่างทันท่วงที จะมีประเด็นไหนในงานน่าสนใจบ้าง ติดตามได้ในหัวข้อด้านล่างนี้เลย
1ST Stage : ปรับภาพลักษณ์ พิชิตยอดขาย
การสร้างภาพลักษณ์ (Personal Brand) เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าจดจำและเลือกแบรนด์ของเรา การปรับภาพลักษณ์ให้ชัดเจนและแตกต่าง จะช่วยส่งเสริม "ความรู้สึก" และ "ความเชื่อมั่น" ซึ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
ในหัวข้อนี้ คุณเฟิร์ส ณิชารัศม์ ทวีหิรัญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Image Coach และที่ปรึกษาภาพลักษณ์มืออาชีพ! จะพาคุณไปเรียนรู้ และชวนให้คิดว่าทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับ Personal Brand!
"การสร้างแบรนด์ ไม่ใช่แค่การสร้าง Logo แต่คือ การสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์"
Personal Branding คือ หัวใจของการขายอสังหาฯ ยุคใหม่ เพราะนอกจากความสวยงามแล้ว สิ่งที่เพิ่มความไว้วางใจต่อโครงการได้ คือ “ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์”
และหนึ่งในองค์ประกอบที่ทรงพลังที่สุด ก็คือ “ภาพลักษณ์ของพนักงานขาย” ซึ่งเป็นตัวแทนของแบรนด์เพื่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง เพราะ พนักงานขายไม่ได้แค่ “ขายบ้าน” แต่เป็นคนที่นำเสนอตัวตนของแบรนด์ ออกไปสู่ลูกค้าโดยตรง จึงเปรียบเหมือนปราการด่านแรกที่เจ้าของโครงการบ้านต้องให้ความสำคัญ
Personal Branding ส่งเสริม Corporate Branding อย่างไร?
แบรนด์บริษัทจะดูน่าเชื่อถือขึ้น เมื่อมีคนที่ดู “มีตัวตน” และ “รู้ลึก รู้จริง” มาสะท้อน Branding ยิ่งพนักงานมีภาพลักษณ์ที่ดี บุคลิกชัดเจน ตรงกับแบรนด์ โครงการก็จะยิ่งดูน่าเชื่อถือ
และช่วยยกระดับแบรนด์ทั้งองค์กรแบบ “ส่งเสริมกันและกัน”
การมี Corporate Branding ที่น่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นถ้าแบรนด์นั้น การสื่อสารภาพลักษณ์โดยเริ่มจากการ “ออกแบบประสบการณ์”
ในวงการอสังหาฯ การแต่งตัว บรรยากาศสำนักงาน หรือแม้แต่กลิ่นในออฟฟิศสำนักงานขาย…ล้วนมีผลต่อ “การรับรู้แบรนด์” ซึ่งสามารถใช้ 5 Senses Marketing หรือ การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส ทั้ง 5 มาเป็นวิธีการตลาด เพื่อ “ออกแบบประสบการณ์” และสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แก่ลูกค้าได้
การตลาดผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (Senses Marketing)
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารแบรนด์และสร้างความประทับใจ การประยุกต์ใช้การตลาดผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างสมดุล จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
1. การมองเห็น (Visual Marketing)
การออกแบบภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับตัวตนแบรนด์ถือเป็นจุดแรกที่ลูกค้าสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกายของพนักงาน การตกแต่งสำนักงาน หรือ การจัดบูธขายโครงการ ทุกองค์ประกอบเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ความทันสมัย และระดับความหรูหราของแบรนด์ การเลือกใช้สี รูปแบบ และสไตล์ที่เหมาะสมจะช่วยสื่อสารตัวตนของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การได้ยิน (Auditory Marketing)
เสียงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง ทั้งน้ำเสียงในการพูดคุยที่แสดงถึงความเป็นมิตรและความเชี่ยวชาญ รวมถึงการเลือกใช้ดนตรีประกอบที่สร้างบรรยากาศเหมาะสมกับช่วงเวลาและสถานการณ์ การควบคุมระดับเสียงและการเลือกประเภทเพลงที่เหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
3. การสัมผัส (Tactile Marketing)
คุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและตกแต่ง สามารถสื่อสารถึงมาตรฐานและความใส่ใจได้อย่างชัดเจน การให้ลูกค้าได้สัมผัสกับวัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น ไม้ หิน หรือผ้าที่มีเนื้อสัมผัสละเอียด จะช่วยสร้างความรู้สึกถึงความหรูหราและความคุ้มค่า
4. การได้กลิ่น (Olfactory Marketing)
กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เลือกสรรมาเป็นพิเศษ สามารถสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ความสะอาด และความใส่ใจ ควรหลีกเลี่ยงกลิ่นที่แรงเกินไปหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ภายในพื้นที่ทำงานหรือโครงการ เนื่องจากอาจส่งผลต่อการรับรู้ของลูกค้าในทางลบ โดยเฉพาะเมื่อต้องการสื่อสารเรื่องความสะอาดและความน่าเชื่อถือ
5. การลิ้มรส (Gustatory Marketing)
การต้อนรับด้วยเครื่องดื่ม หรือ ของว่าง จะช่วยสร้างความประทับใจแรกที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม กาแฟ หรือขนมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ สามารถสื่อสารถึงระดับการบริการและความใส่ใจที่ลูกค้าได้
2ND Stage : แนวโน้มกับทิศทางเศรษฐกิจอีสานใต้ โอกาสและความท้าทายในปี 2568
แม้เศรษฐกิจอีสานใต้ยังมีโครงสร้างที่เปราะบางและพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่ในปี 2568 ยังมีแสงสว่างจากหลายทิศทาง ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เมืองที่ขยายตัว บริการสุขภาพที่เติบโต การไหลมาของนักท่องเที่ยว และโอกาสจากความมั่นคงทางอาหาร ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ในหัวข้อนี้ คุณปุญญวิชญ์ เศรษฐ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพาคุณไปหาโอกาสท่ามกลางความน่ากังวลทางเศรษฐกิจ เพื่อพลิกความท้าทายให้เป็นโอกาส!
"อีสาน ในปี 2568 แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ยังมีโอกาสเติบโตจากหลายปัจจัย เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โอกาสเมืองขยายตัว ความปลอดภัยสูง การท่องเที่ยว รวมถึงบริการสุขภาพ"
- ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสานเป็นภูมิภาคที่มีความขัดแย้งทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แม้จะครอบคลุมพื้นที่และประชากรมากถึง 1 ใน 3 ของประเทศ แต่มีขนาดเศรษฐกิจเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนอีสานยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึงสามเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่อีสานใต้ ที่ประกอบด้วยจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ ซึ่งยังคงพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นฐานเศรษฐกิจหลัก
ปัจจัยท้าทายในอีสานใต้ ปี 2568
เศรษฐกิจอีสานใต้ในปี 2568 เผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว และ นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ก่อให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อสินค้าเกษตรส่งออกที่เป็นรากฐานสำคัญของภูมิภาค ซึ่งจะกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนเกษตรกรที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ภาพรวมด้านการจ้างงานและการใช้จ่ายในอีสานใต้ยังคงเผชิญกับปัญหาอย่างต่อเนื่อง อัตราการจ้างงานมีแนวโน้มลดลง มูลค่าสินเชื่อรวมชะลอตัว ขณะที่ยอดขายรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ยังไม่แสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทในจังหวัดรอง ซึ่งมีแนวโน้มติดลบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568
จุดแข็งและโอกาสใหม่
แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่อีสานใต้ยังคงมีจุดแข็งที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต การลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกษตร นอกจากนี้ภูมิภาคยังเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศ
อีกทั้งอีสานใต้ยังมีศักยภาพที่น่าสนใจในด้านบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ที่มีการลงทุนจากโรงพยาบาลเอกชน การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญสำหรับภูมิภาค
โอกาสทางอสังหาริมทรัพย์ อีสานใต้
แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในอีสานใต้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น มอเตอร์เวย์ M6 รถไฟทางคู่ และ Medical Hub จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการขยายตัวของเมือง การพัฒนาเหล่านี้จะสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่รองรับผู้สูงวัยและแรงงานที่เริ่มกลับมาทำงานในภูมิลำเนา ซึ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป นับเป็นโอกาสทองสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มองหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆในอนาคต
3RD Stage : แนวโน้มกับทิศทางอสังหาฯ 68 โจทย์ใหม่ของนักพัฒนาอสังหา เมื่อสังคมเปลี่ยน โอกาสซ่อนอยู่หลังปัญหา
ในวันที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยน โลกขับเคลื่อนเร็ว และดีมานด์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นักพัฒนาอสังหาฯ ต้องไม่เพียงแต่เป็นผู้สร้างบ้าน แต่ต้องเป็น "นักแก้ปัญหา" ที่เข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้ง พร้อมปรับกลยุทธ์ให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ในหัวข้อนี้ ดร.ปิงศ์ (ดร.ณัชอิสร์ ศรีสุขพรชัย) ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ และที่ปรึกษาโครงการหมู่บ้าน จะชวนคุณคิดกลยุทธ์การปรับตัว แบบยืดหยุ่น ไม่ให้ติดกับดักปัญหาระยะยาว
สังคมผู้สูงอายุ: ความท้าทายใหม่ในตลาดอสังหาฯไทย
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ เด็กเกิดใหม่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง เราอาจเห็นภาพอนาคตคล้ายกับประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ที่บ้านถูกทิ้งไว้ เพราะไม่มีทายาทรับมรดกต่อ
โมเดลแบบนี้ ถ้าไม่เร่งวางแผน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะในภูมิภาคที่คนรุ่นใหม่ย้ายออกไปทำงาน เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ "อีสาน"
"เพราะถ้าบ้านไม่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุ หรือไม่สามารถสร้างดีมานด์ใหม่ได้ ตลาดก็จะเริ่มนิ่ง"
- Blue Ocean ไม่มีอยู่จริง จงตามหาเรือสีเขียว!
หลายคนเคยเชื่อว่า หากหา Blue Ocean เจอ จะรอด แต่ในตลาดอสังหาปัจจุบัน ความจริงคือ ทุกคนอยู่ใน Red Ocean ที่แข่งกันดุเดือด
คำถามคือ: "ถ้า Blue Ocean ไม่มีอยู่จริง แล้วจะอยู่ยังไงให้รอด?"
คำตอบคือ: "คุณต้องพายเรือเขียวในทะเลแดง"
ซึ่งเรือสีเขียว ก็เปรียบเสมือน ไอเดียใหม่ มุมมองใหม่ การเข้าถึงลูกค้าในแบบที่คนอื่นไม่เห็น ต้องยืดหยุ่นและปรับตัว แบบบ้านเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ตลอดไปได้ นักพัฒนาฯต้องปรับตัวตามดีมานด์ใหม่ๆ
- โครงการบ้านขายไม่ดี ≠ บ้านไม่ดี แต่คือคุณยังไม่เข้าใจลูกค้า
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยในวงการอสังหา คือ "ขายไม่ดี = บ้านไม่ดี"ความจริงคือ "การขายไม่ดี มักไม่ใช่ปัญหาของสินค้า แต่คือ เราไม่เข้าใจว่าลูกค้าหาอะไรอยู่"
นักพัฒนาอสังหาในยุคนี้ ต้องไม่เพียงแต่รู้ว่าใครคือ ลูกค้าเป้าหมาย แต่ต้องรู้ว่า เขาหาบ้านจากที่ไหน เขาเชื่อคำพูดจากใคร เขาเจอปัญหาอะไรระหว่างการซื้อบ้าน เขาจะตัดสินใจจากอะไร?
กลยุทธ์อสังหาฯยุคใหม่: เจาะลึกจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์
แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสานจะยังชะลอตัว แต่ในอีกด้านหนึ่ง “โอกาส” กำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของภาคบริการ และ Soft Power ด้านกีฬา และ วัฒนธรรมที่สร้างแรงดึงดูดจากภายนอก
จุดเปลี่ยนของพฤติกรรมผู้ซื้อ
• กลุ่มวัยทำงาน (25–45 ปี) และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) เริ่มกลับมามองหาที่อยู่อาศัยใกล้บ้านเกิด
• ผู้ซื้อหลายรายไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ แต่เป็นคนย้ายกลับมา หรือมองหาบ้านให้พ่อแม่
• ตลาดบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ระดับกลาง–ล่าง ยังมีความต้องการสูงกว่าคอนโด
ทิศทางอสังหาฯ ใน สุรินทร์
- ความต้องการบ้านแนวราบ (ทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด) ในระดับราคาปานกลาง-ล่าง กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่กว้างขวางและคุ้มค่า โดยเติบโตขึ้นถึง 166% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามข้อมูลจาก REIC (สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย) และ Isan Insight
- ในส่วนของการจัดงานสัมมนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เห็นถึงการตื่นตัวด้าน data เน้นกลยุทธ์ Data-Driven ชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวและให้ความสำคัญกับข้อมูลมากขึ้น
ทิศทางอสังหาฯ ใน บุรีรัมย์
- การสร้างบ้านใหม่ลดลง 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (อ้างอิง REIC/Isan Insight)
แม้จะมีการชะลอตัว แต่จังหวัดยังคงมีศักยภาพในฐานะเมืองกิจกรรม soft power ระดับโลก เช่น การจัด MotoGP การแข่งขันมาราธอน รวมถึงการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่ครบครัน - แนวโน้มตลาดบ้านยังมีโอกาสเติบโต หากสามารถพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงล่างได้อย่างตรงจุด โดยเน้นการออกแบบ ฟังก์ชัน และราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
นักพัฒนาอสังหา = นักแก้ปัญหา Developer ต้องปรับเป็น Solution Provider
โลกหลังโควิดไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้ได้ผลอาจไม่เวิร์กแล้ว สิ่งที่เคยสำเร็จในอดีต อาจไม่ใช่สิ่งที่จะพาเราไปถึงอนาคตอีกต่อไป นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่จึงต้องก้าวข้ามบทบาทเดิม ๆ กลายเป็นคนที่เข้าใจความต้องการลึก ๆ ของลูกค้า เป็นนักแก้ปัญหาที่ไม่กลัวโจทย์ยาก พร้อมจะลองโมเดลหรือวิธีคิดใหม่ ๆ เพื่อปรับตัวทันกับทุกการเปลี่ยนแปลง
ในโลกที่ทุกอย่างหมุนเร็วเกินกว่าจะรอคิดทีหลัง ผู้ประกอบการจำเป็นต้อง "วางฉากทัศน์ร้ายแรงไว้ล่วงหน้า" ไม่ใช่รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยหาทางแก้ ต้องคิดให้ครบทุกมุม ตั้งแต่เศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้ยสูง ดีมานด์หาย ไปจนถึงลูกค้าเข้าถึงยาก เพราะถ้าคุณสามารถรับมือได้ใน worst case scenario ได้ในสถานการณ์ปกติ คุณจะยิ่งแข็งแกร่งและพร้อมชนะได้แบบไม่ต้องลุ้น
ลูกค้าสมัยนี้ไม่ได้มองหา 'บ้านที่ถูกที่สุด' แต่คือ 'บ้านที่คุ้มค่าที่สุด'
เทรนด์การซื้อบ้านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและครอบครัวรุ่นใหม่ คนไม่ได้มองหาแค่ "บ้านถูก" แต่คือบ้านที่ "คุ้มค่า" กับชีวิตของเขา บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งด้านทำเล การใช้ชีวิต การเดินทาง และเทคโนโลยี
โดยสามารถเริ่มจากการรีแบรนด์จาก “บ้านราคาถูก” เป็น “บ้านเข้าใจชีวิต” เช่น บ้านผู้สูงอายุ บ้านที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยง หรือบ้านที่สามารถปลูกผักได้ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกทำบ้านพร้อมอยู่ มีการจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ พร้อมเข้าอยู่ เพื่อดึงกลุ่ม Gen Y หรือ เริ่มใช้ Data วางกลยุทธ์การตลาดแทนการคาดเดา
การบุกช่องทางออนไลน์ก็สำคัญ ต้องขายไวและปิดการขายผ่าน TikTok, LINE OA หรือ Chatbot ให้ได้ และ นี่คือ 4 กลยุทธ์ แนวทางการพัฒนาอสังหาฯ แนวใหม่ ที่น่าสนใจซึ่งสามารถปรับใช้กับการวางแผนพัฒนาอสังหาฯแนวใหม่ได้
- บ้านพร้อมดูแลผู้สูงอายุ
บ้านที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์ผู้สูงอายุ เช่น ห้องนอนชั้นล่าง พื้นกันลื่น และราวจับเพื่อความปลอดภัย เหมาะสำหรับการวางแผนเป็นบ้านหลังเกษียณ หรือบ้านที่ตั้งใจซื้อไว้ให้ลูกดูแลพ่อแม่ในอนาคต
นอกจากนี้ การพัฒนาด้าน "สุขภาพ-สังคม" ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เช่น การมีคลินิกหรือสถานพยาบาลในหมู่บ้าน กิจกรรมรายเดือนสำหรับผู้สูงอายุ หรือกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย
- บ้านเช่าก่อนซื้อ
สำหรับกลุ่มวัยทำงานที่มีรายได้ระดับกลางถึงต่ำ สามารถดึงดูดด้วยการทำแพ็กเกจร่วมกับธนาคาร เช่น ผ่อนต่ำในช่วง 2 ปีแรก ระบบอนุมัติวงเงินเบื้องต้น (Pre-approved) หรือ และโปรโมชัน อยู่ฟรี 1 ปี
อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแคมเปญ“บ้านให้เช่าก่อนซื้อ” สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมยื่นขอสินเชื่อทันที ช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสทดลองใช้ชีวิตจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ตอบโจทย์ความต้องการและลดความกังวลเรื่องภาระการเงินในระยะแรก
- บ้านที่สัมพันธ์กับชุมชน
สร้าง Value-Added Ecosystem ร่วมกับ SME ท้องถิ่น โดยจับมือกับร้านค้า โรงเรียน และสถานพยาบาล เพื่อมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกบ้าน เช่น การสร้าง “Community Pass” สำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ส่วนลดคาเฟ่ในพื้นที่ ตรวจสุขภาพฟรีปีละ 1 ครั้ง และกิจกรรมอบรมด้านเกษตรหรืออาหารปลอดสาร ช่วยสร้างความผูกพันกับชุมชน และ เพิ่มมูลค่าของบ้าน
- โครงการ ESG และ Green Marketing
ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การทำการตลาดจึงควรเน้นภาพลักษณ์ “โครงการรักษ์โลก” เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ระบบบำบัดน้ำ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่สามารถรีไซเคิลได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจโลกของผู้บริโภครุ่นใหม่
4TH Stage : DATA TREND พฤติกรรมคนหาบ้านสุรินทร์ และ บุรีรัมย
ธุรกิจที่มีข้อมูล แต่ “ไม่ลงมือวิเคราะห์และใช้จริง” ก็ไม่ต่างจากการเปิดร้านแต่ไม่รู้ว่าลูกค้ากำลังเดินมาตอนไหน การใช้ Data ในการทำการตลาดช่วยให้คุณตัดสินใจทำการตลาดได้อย่างแม่นยำ ลดการเดา เพิ่มประสิทธิภาพของทุกแคมเปญ และได้เปรียบคู่แข่งแบบก้าวกระโดด
ในหัวข้อนี้ คุณแทน พชร ชินอ่อน COO & Co-Founder บริษัท น่าอยู่ คอร์ปอเรชั่น จำกัดจะพาคุณไปเจาะลึกข้อมูล พฤติกรรมคนหาบ้านในจังหวัดสุรินทร์ และ บุรีรัมย์ บนเว็บไซต์ nayoo.co/buriram และ nayoo.co/surin เพื่อวางกลยุทธ์ ในยุคที่การตลาดแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
"การตลาดคือสิ่งจำเป็น ถ้าไม่ทำเราจะหายไปจากสายตาลูกค้า เราต้องรู้ว่าเราควรทำอะไร และหยุดทำอะไร"
กลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าในสุรินทร์-บุรีรัมย์
ในยุคนี้ การตลาด ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หากไม่ทำการตลาดอย่างถูกจุดและต่อเนื่อง โอกาสที่จะหายไปจากสายตาลูกค้าก็สูงมาก เราจึงต้องเข้าใจว่าเราควรทำอะไรและควรหยุดทำอะไร เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง
1. ตามหาว่า “ใครคือคนหาบ้าน”
การตลาดที่หว่านทุกกลุ่ม ไม่ได้ผลในยุคที่ “ลูกค้าน้อยลง แต่ตัวเลือกมากขึ้น” เราต้องรู้ว่า “ปลาตัวใหญ่” คือใคร และเขาอยู่ในที่ไหน
โดยเริ่มจาก "เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า" มนุษย์แต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกันโดยเฉพาะในเรื่องที่อยู่อาศัย การทำตลาดจึงต้องโฟกัสว่า ใครคือลูกค้าของเรา ไม่ใช่แค่คนทั่วไป แต่ต้องรู้ว่าเขาเริ่มมองหาบ้านตอนไหน เช่น
- กลุ่ม First Jobber เพิ่งเรียนจบ เริ่มเก็บเงินก้อนแรก ต้องการเห็นบ้านราคาเริ่มต้น-กลาง
- กลุ่มเริ่มต้นครอบครัว มองหาบ้านที่ปลอดภัย ทำเลใกล้โรงเรียน
- กลุ่มวัยเกษียณ ต้องการบ้านชั้นเดียว พื้นที่สงบ หรือบ้านเพื่อการลงทุน
- กลุ่มลูกหลานซื้อบ้านให้พ่อแม่ – มักมาจากโคราช กทม. หรือ อุบลราชธานี มองหาทำเลบนถนน โชคชัย-เดชอุดม ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ที่เชื่อมต่อกับทุกจังหวัดใหญ่
กลุ่มช่วงวัยที่แตกต่างกันส่งผลต่อไลฟ์สไตล์การซื้อบ้านที่ต่างกัน โดยในจังหวัดสุรินทร์ ช่วงวัยมั่งคั่ง กลุ่มอายุ 45-54 ปี และ วัยเริ่มสร้างครอบครัว มีสัดส่วนสูงกว่า 50%
เช่นเดียวกับในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่กลุ่มคน อายุ 28-65 ปี เป็นช่วงวัยที่กำลังมองหาบ้าน โดยส่วนใหญ่คือกลุ่ม GEN Y ซึ่งกินสัดส่วนไปถึง 53.2% ทำให้สามารถเลือกสร้างบ้านเพื่อตอบสนองกับกลุ่มคน GEN Y และ GEN X ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่กำลังมองหาบ้านอย่างแท้จริงได้
2. เจาะ Insight การค้นหาบ้าน
การจะเจาะลึกพฤติกรรม หรือ ความต้องการของคนหาบ้าน คืออีกหนึ่งสิ่งที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะ คำที่กลุ่มคนหาบ้านใช้ในการค้นหา ซึ่งสามารถช่วยสะท้อนความต้องการของกลุ่มคนหาบ้านได้ และนี่คือตัวอย่างคำที่นิยมค้นหาบ้านในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์
- Property type : ค้นหาตามลักษณะของบ้านที่สนใจ เช่น บ้าน, บ้านเดี่ยว, คอนโด, ทาวน์โฮม
- Location & Landmark : ค้นหาแบบเจาะจงโลเคชั่น และสถานที่ที่สำคัญ เช่น โซนในเมืองสุรินทร์ โซนปราสาท หรือ โรบินสัน การเคหะ บ้านตะบัล โดยโซนโรบินสัน และโซนแกใหญ่ เป็นโซนที่มีความต้องการสูง แต่ยังไม่มีเจ้าตลาดชัดเจน เป็น โอกาสทองของผู้เล่นหน้าใหม่
ส่วนในจังหวัดบุรีรัมย์ โซนเทศบาลตำบลอิสาณ เป็นโซนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด แต่มีการแข่งขันสูง โดยโซนที่น่าสนใจอีกโซนคือ โซนโรบินสันบ้านบัว และ โซนชุมเห็ด โกรกขี้หนู ซึ่งเป็นโซนที่มีความสนใจสูง แต่ยังมีโครงการบ้านไม่มาก มีโอกาสในการแข่งขัน
- Price range : ค้นหาตามราคาขาย อีกคำที่คนให้ความสนใจคือการค้นหาจากราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะยึดโยงกับทำเล โดยราคาที่คนหาบ้านสุรินทร์ สนใจมากที่สุดคือ บ้านกลุ่มราคาตั้งแต่ น้อยกว่า 2 ล้าน - 3 ล้านบาท ในโซน โรบินสันการเคหะบ้านตะบัล โซนแกใหญ่แสลงพันธ์ และ โซนทุ่งโพธิ์ ส่วนราคาสำหรับบ้านหรู 5 ล้านบาทขึ้นไปจะอยู่ในโซน ม. ราชภัฎสุรินทร์ และ สะเร็นปาร์ค
สำหรับราคาที่คนหาบ้านสนใจมากที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนใหญ่จะอยุ่ในช่วงราคา 2-3 ล้านบาท โดยมีการกระจุกความสนใจที่โซนเทศบาลตำบลอิสาณเป็นหลัก ตามด้วยโซนชุมเห็ดโกรกขี้หนู และ โซนในเมืองบุรีรัมย์ ตามลำดับ
สำหรับบ้านราคาถัดขึ้นมาอย่าง 3-5 ล้าน มียังคงพุ่งความสนใจไปที่ โซนเทศบาลตำบลอิสาณ แต่อีกโซนที่น่าสนใจก็คือ โซนนางรอง ซึ่งเป็นโซนต่างอำเภอ แต่กลับได้รับความสนใจมาเป็นลำดับที่ 2 สะท้อนความน่าสนใจของทำเลที่เชื่อมต่อกับถนนเส้น 24
- Branding : การค้นหาแบรนด์ แม้จะมีสัดส่วนความสนใจน้อยกว่าคำอื่นๆ แต่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภค เริ่มมีความเชื่อมั่น และ จดจำแบรนด์ได้ สำหรับจ.สุรินทร์ แบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อความสนใจของคนหาบ้าน ในลำดับแรกๆคือ หมู่บ้านสมประสงค์ วันโฮม และ โครงการหมู่บ้านสุรินทร์ กรีนวิว
ส่วนใน จ.บุรีรัมย์ แบรนด์ที่โดดเด่น คือ โครงการ โทมิ บ้านอิสรีย์ และ พราวด์ วิลล์ อย่างไรก็ตาม แม้ในพื้นที่อย่าง สุรินทร์–บุรีรัมย์ ที่การแข่งขันกำลังเริ่มขยับขยาย แต่ยังไม่มีแบรนด์โครงการที่เป็น Top of Mind ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกในใจลูกค้า เพราะฉะนั้น ใครเข้าใจลูกค้าก่อน ก็มีโอกาส “ปิดการขาย” ได้ไวกว่า
บทสรุป : ปรับกลยุทธ์อสังหาฯ ด้วย Data และ Branding สู่การตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่
การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคนี้ การเข้าใจและใช้ ข้อมูล (Data) อย่างลึกซึ้งถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะช่วยให้เราเห็นภาพพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่ตามหาบ้านบุรีรัมย์ได้ชัดเจน การมีข้อมูลที่แม่นยำช่วยให้สามารถพัฒนาโครงการ และ วางกลยุทธ์การขายได้ตรงจุดและคุ้มค่ามากขึ้น
นอกจากนี้ การสร้าง แบรนด์ (Branding) ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแบรนด์ที่แข็งแรงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดใจ และทำให้ลูกค้าจดจำเราได้ท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมาก สุดท้ายคือการรู้จักปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นและทันต่อการเปลี่ยนแปลง (Strategic Agility) ทั้งด้านเศรษฐกิจ เทรนด์ตลาด และความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกสถานการณ์
สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดงานสัมมนาดีๆ ที่ตอบโจทย์นักพัฒนาอสังหาฯ ในสุรินทร์และบุรีรัมย์ อย่าลืมติดตามข่าวสารอัปเดตได้ทางเว็บไซต์ บุรีรัมย์น่าอยู่ และเพจ บุรีรัมย์น่าอยู่ รับรองว่ามีข้อมูลเด็ดๆ และโอกาสดีๆ รออยู่เพียบ!
บทความที่น่าสนใจ
- น่าอยู่สัญจร "งานสัมมนาคนสร้างบ้าน" เจาะลึกธุรกิจอสังหาฯ บุรีรัมย์–สุรินทร์ 2568
- อัปเดต หมู่บ้านจัดสรร บุรีรัมย์ 2 ชั้น ไม่เกิน 5 ลบ. ยอดนิยมปี 2568
- อยู่บ้านทั้งวันก็ไม่เบื่อ! 6 โครงการ บ้าน บุรีรัมย์ ส่วนกลางจัดเต็ม
บุรีรัมย์น่าอยู่ เว็บไซต์อสังหาฯ ที่รวมทุกเรื่องที่อยู่ของคนบุรีรัมย์ ค้นหาบ้าน ทรัพย์มือสอง บริการรับสร้างบ้าน บริการเช่าหอพัก และ ที่ดินทำเลดี ได้จากลิงค์ด้านล่างเลยค่า 👍
➡) หาบ้านบุรีรัมย์โครงการใหม่ คลิก
➡) หาบริษัทรับสร้างบ้าน ต่อเติม รีโนเวท คลิก
➡) หาบ้านมือสอง บ้านพร้อมอยู่ ทำเลดี คลิก
➡) ที่ดินเปล่า ที่ดินเกษตร จ.บุรีรัมย์ คลิก
➡) หาหอพัก/บ้านเช่า คลิก
➡) ทดลองคำนวณวงเงินกู้สินเชื่อบ้าน คลิก
ช่องทางการติดต่อ
▪️ Facebook : บุรีรัมย์น่าอยู่
▪️ Line official : @buriramnayoo
▪️ Tiktok : บุรีรัมย์น่าอยู่
▪️ Instagram : @buriram.nayoo
▪️ YouTube : บุรีรัมย์น่าอยู่
▪️ TEL : 092-254-1846 / 080-010-4116