เมื่อใกล้ถึงเวลาที่หลายคนต้องเริ่มยื่นภาษีกันอีกครั้ง บางคนอาจจะคุ้นชินกับระบบการยื่นภาษีแล้ว แต่ก็ยังมีน้องใหม่หลายคนที่ต้องยื่นภาษีครั้งแรกที่ยังไม่รู้ว่าต้องเสียภาษีเท่าไหร่ เตรียมเอกสารอะไรบ้างในการยื่นภาษี 2569 รวมถึงยังงงๆ กับเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีที่มีเยอะ จนไม่รู้ว่าจะเริ่มลดหย่อนอะไรก่อนดี ทำให้รู้สึกเป็นกังวลว่าจะเตรียมตัวทันไหม ซื้ออะไรถึงจะไม่เสียเงินเปล่า

บทความนี้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการยื่นภาษี 2569 ด้วยตนเอง ตั้งแต่ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีในปีนี้ ค่าลดหย่อนหมวดหมู่ต่างๆ ตลอดจนขั้นตอนการยื่นภาษี 2569 ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจภาพรวมทั้งหมด สามารถวางแผนลดหย่อนภาษี และยื่นภาษี 2569ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดสิทธิ์ แถมได้เงินภาษีคืนแน่นอน

ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี 2569 รู้จักขั้นบันไดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ผู้ที่มีหน้าที่ต้องยื่นภาษี 2569 ได้แก่ผู้มีรายได้รวมเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ผลกำไรจากธุรกิจ กำไรจากการค้าขาย ค่าเช่า หรือรายได้อื่นๆ เช่นเงินปันผล ดอกเบี้ยธนาคาร หลังหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท และค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว รายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี ต้องมีการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมาย

อัตราภาษีขั้นบันได

ประเทศไทยใช้ระบบ ขั้นบันไดภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive Tax Rate) คือ ผู้มีรายได้สูงกว่าจะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้ที่มีรายได้น้อย โดยรายได้สุทธิหลังจากหักค่าลดหย่อนแล้วจะถูกจัดเก็บภาษีเริ่มตั้งแต่ 5% ไปจนถึง 35% ขั้นอยู่กับระดับรายได้ การเข้าใจขั้นบันไดภาษีจะช่วยให้เราประเมินภาษีที่ต้องจ่ายได้แม่นยำ อักทั้งสามารถวางแผนใช้สิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ เพื่อขอคืนเงินภาษีได้ภาหลังจากยื่นภาษี 2569 ไปแล้ว

อัตราการเสียภาษีบุคคลธรรมดา

ขั้นบันไดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2569

ตัวอย่าง 1:  น้องน่าอยู่เป็นพนักงานประจำบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน 17,500 บาท เมื่อยื่นภาษี 2569 ต้องเสียภาษีกี่บาท

วิธีคิด รายได้ทั้งหมด 17,500 x 12 = 210,000 บาท
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 210,000 - 60,000 = 150,000 บาท

คำตอบ รายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี

___________________________________________________

ตัวอย่าง 2: น้องน่าอยู่เริ่มทำงานเดือนมีนาคม 2568 ได้รับเงินเดือน 30,000 บาท เมื่อยื่นภาษี 2569 ต้องเสียภาษีกี่บาท

วิธีคิด รายได้ทั้งหมด 30,000 x 10 = 300,000 บาท
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 300,000 - 60,000 = 240,000 บาท
รายได้สุทธิอยู่ที่ 240,000 เสียภาษีที่ 5% ของรายได้

ขั้นบันไดภาษี:
> 0 – 150,000 → 0%
> 150,001 – 300,000 → 5%
1. ส่วนแรก 150,000 บาท อยู่ในขั้น 0% เสียภาษี 0 บาท
2. ส่วนที่เกิน คือ 240,000 – 150,000 = 90,000 บาท

ดังนั้น ส่วนนี้ต้องเสียภาษีอยู่ในขั้น 5% → เสียภาษี 90,000 × 5% = 4,500 บาท
*ไม่ใช่เอา 240,000 × 5% เพราะส่วนที่ 0–150,000 บาท ไม่เสียภาษีนั่นเอง

อัปเดตค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2569

อัปเดตค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2569

สำหรับใครที่กำลังวางแผนลดหย่อนภาษีในปี 2569 ลองมาอัปเดตรายการลดหย่อนล่าสุดกันสักหน่อย เพราะแต่ละปีก็มีกฎเกณพ์และเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป การรู้ข้อมุลก่อนใครจะช่วยให้คุณใช้สิทธิ์ได้เต็มที่ ไม่พลาดการขอคืนภาษี และวางแผนการเงินได้คุ้มค่าที่สุด มาตรวจเช็คสิทธิ์ และวางแผนภาษีให้ทันเวลาไปพร้อมๆ กันเลย

1. ค่าลดหย่อนพื้นฐาน

เป็นหมวดหมู่ที่ทุกคนได้ใช้สิทธิ์อย่างแน่นอน ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งในนี้ อย่าลืมเช็คเงื่อนไขให้ดีก่อนยื่นยื่นภาษี 2569

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว  60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ 60,000 บาท
    ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
  • ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร ไม่เกินท้องละ 60,000 บาท
    ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง
  • ค่าลดหย่อนบุตร หักลดหย่อนได้ 30,000 บาท/บุตร 1 คน
    แต่หากเป็นบุตรคนที่สองขึ้นไปและเกิดตั้งแต่ปี 2561 ขึ้นไป จะหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท/บุตร 1 คน และบุตรต้องไม่มีเงินได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปในปีภาษีนั้น
  • ค่าลดหย่อนบิดามารดา 30,000 บาท/คน
    และหักลดหย่อนได้สำหรับพ่อแม่ของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้อีกคนละ 30,000 บาท
    เงื่อนไขพ่อแม่ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีเงินได้ในปีที่ใช้สิทธิ์ ไม่เกิน 30,000 บาท
  • ค่าอุปการะคนพิการ หรือคนทุพพลภาพ               60,000 บาท/คน
    เงื่อนไขบุคคลทุพพลภาพ หรือผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทในปีภาษีนั้น
    ซึ่งคนพิการที่คุรดูแลต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และรุบะชื่อคุณเป็นผู้ดูแลในบัตร

2. ค่าลดหย่อนเพื่อการประกัน

การทำประกันนอกจากจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง ลดภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล เป็นเงินสำรองไว้ใช้หลังเกษียณแล้ว ยังมีประโยชน์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีในแต่ละปีได้อีกด้วย ประกันที่เข้าเงื่อนไขนำไปลดหย่อนภาษีได้มีดังนี้

  • ประกันสังคม อัตราเงินสมทบประกันสังคม ม.33 อยู่ที่ 5% ของเงินเดือน (เพดานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท) แต่ถ้าเป็นผู้ประกันตน ม.39 อัตราเงินสมทบ 432 บาท/เดือน หรือเท่ากับ 5,184 บาท/ปี
  • เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนได้ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน     100,000 บาท/ปี
    ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตไม่เกิน 10,000 บาท โดยประกันชีวิตที่จะลดหย่อนได้ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และทำประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น
  • เบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้ตามจ่ายจริงไม่เกิน      25,000 บาท/ปี
    เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท/ปี
  • เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ลดหย่อนได้ตามจ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท/ปี
    ซึ่งพ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
  • เบี้ยประกันชีวิตบำนาญ ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี
    และต้องไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับการออมเงินเพื่อเกษียณอื่นแล้ว จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท

3. ค่าลดหย่อนเพื่อการออมและลงทุน

การออม-ลงทุน ถือเป็น “การใช้จ่ายเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน” ถ้าคนไทยลงทุนหรือออมเงินในเครื่องมือที่มีระยะเวลาผูกพันและชัดเจน รัฐบาลจะให้สิทธิ์ ลดหย่อนภาษี เพื่อจูงใจให้ประชาชนเก็บออมเอง ลดภาระพึ่งพิงสวัสดิการของรัฐในอนาคต และช่วยให้มีเงินสำรองยามเกษียณ

  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หักลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อรวมกับการออมเงินเพื่อเกษียณอื่นแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่เมื่อรวมกับการออมเงินเพื่อเกษียณอื่นแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท แต่เมื่อรวมกับการออมเงินเพื่อเกษียณอื่นแล้ว ไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับการออมเงินเพื่อเกษียณอื่นแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท
    หมายเหตุ: เฉพาะปี 2567-2569 ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท)

ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป หากใครต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน SSF, RMF หรือ Thai ESG จะต้องแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิให้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ซื้อหน่วยลงทุนทราบ โดยกรมสรรพากรจะยอมรับหลักฐานการซื้อหน่วยลงทุนจาก บลจ.โดยตรง แทนการยื่นหนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุนแบบเดิม

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องแจ้งขอใช้สิทธิทุกปี เพียงแจ้งความประสงค์ครั้งเดียวก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับบลจ.ที่ซื้อหน่วยลงทุนได้ต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

4. หมวดค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

ค่าลดหย่อนในกลุ่มนี้รัฐบาลจะออกนโยบายมาเพื่อกระตุ้นเศรฐกิจในแต่ละปี ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปตามสถาณการณ์เศรกิจของปีนั้นๆ

  • ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย ไม่เกิน 100,000 บาท
    ต้องเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากในประเทศ
  • โครงการ “Easy E-Receipt” สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
    สำหรับปีภาษี 2568 ต้องนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ที่ได้ในช่วงวันที่ 16 มกราคม 2567 - 28 กุมภาพันธ์ 2568 มาลดหย่อน โดย
  • ซื้อสินค้าหรือรับบริการตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาท จากผู้ประกอบการที่ออกใบเสร็จค่าใช้จ่ายในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้
  • หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ในกรณี
  1. ซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
  2. ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
  3. ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ เพื่อสังคม

5. ค่าลดหย่อนจากการบริจาค

แทนที่จะต้องจ่ายภาษีเต็มจำนวน การบริจาคก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เปลี่ยน “เงินภาษี” ให้กลายเป็นการสนับสนุนสิ่งดีๆ ที่เราต้องการเห็นในสังคม นอกจากได้บุญแล้วยังได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วย

  • เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของยอดเงินบริจาค โดยรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอย่างอื่น
  • เงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเพื่อสาธารณกุศลให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สถานสงเคราะห์ เป็นต้น ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนอย่างอื่น โดยตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป การบริจาคให้แก่ วัดวาอาราม รวมทั้ง มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่าง ๆ เพื่อหักลดหย่อนภาษีต้องดำเนินการผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) เท่านั้น
  • เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

ขั้นตอนการยื่นภาษี 2569 ออนไลน์

ขั้นตอนการยื่นภาษี 2569 ออนไลน์

เมื่อเราทราบเกี่ยวกับขั้นบันไดภาษีที่ต้องจ่าย และรายละเอียดรายการลดหย่อนภาษีในหมวดต่างๆ แล้ว ต่อไปมาดูขั้นตอนการยื่นภาษี 2569 ผ่านทางออนไลน์ และการขอคืนภาษีแบบง่ายๆ ไปพร้อมกับน้องน่าอยู่กันเถอะ

  1. รวบรวมรายได้ทุกประเภทที่ได้รับตลอดทั้งปีภาษี เช่น ถ้าต้องการยื่นภาษีในปีภาษี 2568 ให้รวบรวมรายได้ที่ได้รับทั้งหม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2568 ให้เรียบร้อย และตรวจสอบใบ 50 ทวิ หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ถูกต้อง
  2. เข้าไปที่เว็บไซต์สำหรับยื่นภาษี https://efiling.rd.go.th/rd-cms/
  3. สำหรับคนที่ยื่นภาษีครั้งแรกให้ลงทะเบียนให้ก่อน และคนที่เคยยื่นภาษีแล้ว สามารถลงชื่อเข้าในระบบได้เลย
  4. กรอกข้อมูลส่วนตัว รายได้ และค่าลดหย่อนตามสิทธิ์ต่างๆ ให้ครบถ้วน
  5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และกดยืนยันการยื่นแบบ
  • ในการกรณีที่มีค่าลดหย่อน หรือหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกินที่จ่ายจริง สามารถกดขอคืนภาษีได้ วิธีขอคืนภาษี
  • ในกรณีที่หักภาษี ณ ที่จ่ายน้อยกว่าภาษีที่ต้องจ่ายจริง ต้องจ่ายภาษีส่วนที่ขาดเพิ่มเติมด้วย

6. เมื่อทำการยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว อยากเช็คว่าสถานะการคืนภาษีของเราอยู่ในขั้นตอนไหน สามารถดูได้ที่ My Tax Account

7. หากผลการพิจารณาขอคืนภาษีเรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงินคืนภาษีผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ไว้กับเลขบัตรประชาชน

วางแผนยื่นภาษี 2569 ให้คุ้มค่า โดยไม่เพิ่มภาระเสี่ยง

วางแผนยื่นภาษี 2569 ให้คุ้มค่า

หลายคนตั้งใจซื้อลดหย่อนภาษี เพื่อให้จ่ายภาษีน้อยลง แต่ถ้าเลือกไม่รอบคอบก็อาจกลายเป็น ภาระทางการเงินมากกว่าจะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง มาเช็คกันว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงนี้ไหม

  • ซื้อประกันเบี้ยสูง และผ่อนส่งระยะยาว: เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายทุกปีอาจกลายเป็นภาระ หากปีหน้ารายได้ไม่แน่นอน หรือต้องตกงานดังนั้นควรพิจารณาให้รอบคอบว่า
เรามี กระแสเงินสด เพียงพอรองรับภาระผูกพันในอนาคตหรือไม่
หากรายได้หายไป ยังมีเงินสำรองหรือไม่
เลือกลงทุนหรือลดหย่อนที่ ยืดหยุ่น กว่า เช่น กองทุน SSF ที่ลงทุนปีต่อปีก็ได้ ไม่ต้องผูกพันทุกปี
  • ทุ่มซื้อกองทุนช่วงปลายปี: แม้จะได้สิทธิลดหย่อนทันที แต่การรีบซื้อจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ทำให้ไม่ได้กระจายความเสี่ยง และควรวางแผนเรื่องระยะเวลาให้คำสั่งมีผลทันก่อนวันสิ้นปี
  • การวางแผนใช้สิทธิ์ Easy E-Receipt:  หลายคนมักจะซื้อของขวัญให้ตนเอง หรือคนรอบข้างในในเดือนธ.ค. ซื้อของเข้าบ้านก่อนปีใหม่ ลองเลื่อนแผนการซื้อของชิ้นใหญ่มาอยู่ช่วงต้นปีที่มีนโยบาย Easy E-Receipt แทน จะช่วยให้ใช้สิทธิ์ได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น

บทสรุป

รีบตรวจสอบรายได้ เตรียมเอกสาร และวางแผนลดหย่อนภาษีของคุณให้พร้อม การวางแผนภาษีล่วงหน้าไม่เพียงช่วยให้ได้รับเงินคืน แต่ยังลดความเสี่ยงทางการเงิน เช่น ภาระประกันระยะยาวหรือการทุ่มซื้อกองทุนในช่วงปลายปี น้องน่าอยู่ขอแนะนำทุกคนให้วางแผนให้รอบคอบ เลือกใช้สิทธิ์ลดหย่อนที่ยืดหยุ่น กระจายการลงทุน และอย่าลืมใช้สิทธิ์ Easy E-Receipt ในช่วงต้นปี เพื่อให้ทุกบาทที่จ่ายไปคุ้มค่า

สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, คอนโดและทาวน์โฮม สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่เว็บไซต์น่าอยู่ นอกจากนี้ยังมีสาระน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ติดตามกันอีกด้วยนะครับ

บทความแนะนำ

มาวางแผนภาษีกันเถอะ! เคล็ดลับทำยังไงให้มีเงินเก็บ

วิธีเช็คภาษีย้อนหลัง ทำยังไง ต้องเสียค่าปรับไหม?

ภาษีคํานวณหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร 3%, 5% ต่างกันอย่างไร หักเมื่อไร