การสร้างบ้านคือหนึ่งในโครงการใหญ่ที่สุดในชีวิต และมักเป็นจุดเริ่มต้นของทั้ง “ความสุข” และ “ความเครียด” ในเวลาเดียวกัน เพราะแม้จะมีแบบบ้านที่สวยงาม งบประมาณพร้อม แต่ถ้าเลือกบริษัทรับสร้างบ้านผิด ปัญหาที่ตามมาอาจใหญ่จนกลายเป็นฝันร้าย ทั้งบ้านไม่เสร็จ โดน ทิ้งงาน หรือโกงงวดเงิน โดยเฉพาะ แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีความยากและซับซ้อน
บทความนี้ “น้องบุรีรัมย์น่าอยู่” จะพาทุกคนเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานของ วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน วิธีตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงเทคนิคกำหนดงวดงานให้ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อให้ทุกการก่อสร้างกลายเป็นประสบการณ์ดีๆ ได้บ้านในฝันแบบไม่ต้องฝันลมๆแล้งๆ
เริ่มจากเข้าใจ “บริษัทรับสร้างบ้าน” คือใคร
บริษัทรับสร้างบ้าน (Home Builder) คือผู้ประกอบการที่รับเหมาสร้างบ้านทั้งหลังแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ เขียนแบบ ขออนุญาตก่อสร้าง ไปจนถึงงานระบบและตกแต่งภายใน ซึ่งแตกต่างจาก “ผู้รับเหมาทั่วไป” ตรงที่บริษัทจะมีทีมงานประจำ เช่น วิศวกร สถาปนิก และฝ่ายควบคุมคุณภาพ รวมถึงมีสำนักงานที่ตรวจสอบได้
โดยหนึ่งในองค์กรที่ช่วยกำกับมาตรฐานของผู้ประกอบการในไทยคือ “สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association – HBA)” ซึ่งเป็นสมาคมที่รวมบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพ มีประวัติชัดเจน และอยู่ภายใต้จรรยาบรรณวิชาชีพ หากบริษัทใดเป็นสมาชิกของ HBA หมายความว่า ได้ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นด้านความน่าเชื่อถือและระบบการทำงานในระดับหนึ่งแล้ว
ก่อนตัดสินใจจ้าง ควรตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคม HBA ก่อนที่ www.hba-th.org เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนเลือกใช้บริการ
วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้านอย่างมั่นใจ
ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาหรือวางเงินงวดแรก สิ่งสำคัญที่สุดคือ “เลือกบริษัทให้ถูก” เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของบ้านทั้งหลังเลยก็ว่าได้ น้องบุรีรัมย์น่าอยู่ขอชวนทุกคนมาดู วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้านอย่างมั่นใจ ที่ทั้งปลอดภัย ตรวจสอบได้ และไม่ต้องกลัวโดนโกง
ตั้งแต่การดูผลงานจริงไปจนถึงเทคนิคตรวจเช็กเอกสารแบบมืออาชีพ — ถ้าอยากให้บ้านในฝันของเรากลายเป็นความจริงแบบไม่มีดราม่า ไปดูกันแนวทางกันได้เลยค่ะ

1.ดูผลงานจริงก่อนตัดสินใจ
การดู “ผลงานจริง” คือขั้นตอนสำคัญ อย่าเชื่อเพียงรูปในโบรชัวร์ ควรเลือกบริษัทที่สามารถพาไปดูบ้านตัวอย่างหรือผลงานจริงได้ จะเห็นคุณภาพการก่อสร้าง รายละเอียดวัสดุ และความเรียบร้อยของงานจริง ไม่ใช่แค่รูปภาพในโบรชัวร์

2.ตรวจสอบสถานะบริษัท
เช็กทะเบียนนิติบุคคลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ อายุบริษัทกี่ปี และทุนจดทะเบียนเท่าไร บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงมักสะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินงานและความมั่นคง

3.เช็กรีวิวและเสียงจากลูกค้าเก่า
ค้นหารีวิวจากผู้ใช้จริงใน Google, Pantip หรือ Facebook Group เช่น “สร้างบ้าน pantip” เพื่อดูประสบการณ์ของคนที่เคยจ้างบริษัทนั้นมาก่อน เพราะเสียงจริงจากคนเคยใช้บริการ จะช่วยให้เราเห็นทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และรูปแบบการทำงานที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆ มากกว่าคำโฆษณา

4.อย่าเลือกเพราะราคาถูกเกินจริง
ถ้าบริษัทเสนอราคาต่ำกว่าตลาด 20–30% โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ถือเป็น “สัญญาณธงแดง” เพราะมักมาพร้อมการลดสเปควัสดุ หรือเสี่ยงโดนทิ้งงานกลางทาง

Red flag ที่ควรระวังเมื่อเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน
ก่อนจะวางเงินงวดแรกหรือเซ็นสัญญา น้องบุรีรัมย์น่าอยู่ขอบอกเลยว่า… “อย่าเพิ่งหลงดีใจกับราคาถูกหรือคำพูดสวย ๆ” เพราะการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่ผิด อาจกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งเรื่องคุณภาพ ความล่าช้า หรือแม้แต่โดนทิ้งงาน! ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ลองเช็กวิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน จากสัญญาณเตือนเหล่านี้ให้ดี เพราะหลายครั้งปัญหาใหญ่เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เราเผลอมองข้ามไป
1.ไม่มีสำนักงานจริง / ติดต่อได้เฉพาะทางโทรศัพท์
บริษัทที่ไม่มีสำนักงานจริง หรือให้ติดต่อได้แค่ทางโทรศัพท์ ถือเป็นสัญญาณอันตรายอันดับหนึ่ง เพราะหมายความว่าไม่มี “ที่อยู่ถาวร” ที่เราจะตามได้หากเกิดปัญหา
2.ไม่ยอมให้ดูผลงานเก่าหรือรายชื่อบ้านลูกค้าเก่า
ในทำนองเดียวกัน ถ้าบริษัทไม่ยอมให้ดูผลงานเก่าหรือรายชื่อลูกค้าเดิม ก็แปลว่ามีบางอย่างที่ไม่อยากให้เห็น อาจเป็นผลงานที่ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือมีประวัติทิ้งงานมาก่อนแสดงถึงความไม่โปร่งใส
3.เสนอราคาต่ำเกินไป หรือเร่งให้รีบเซ็นสัญญา
อีกเรื่องที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้เลยคือ “ราคาที่ถูกเกินจริง” ถ้าบริษัทเสนอราคาต่ำกว่าตลาด 20–30% โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าอาจมีการลดสเปควัสดุหรือรีบเบิกเงินล่วงหน้า เพราะบางรายใช้กลยุทธ์เร่งให้ลูกค้ารีบเซ็นสัญญา แล้วค่อยลดคุณภาพงานภายหลัง ซึ่งสุดท้ายเจ้าของบ้านต้องมาเจ็บใจทีหลัง
4.ไม่มีวิศวกรควบคุมงานประจำโครงการ
บริษัทที่ไม่มี “วิศวกรควบคุมงานประจำโครงการ” ก็ถือเป็นเรดแฟกใหญ่ เพราะงานก่อสร้างอาจผิดแบบ หรือไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย
5.ไม่ยอมออกใบเสร็จรับเงิน / ไม่มีเอกสารชัดเจน
และอย่ามองข้ามเรื่อง “ใบเสร็จรับเงิน” เพราะการจ่ายเงินโดยไม่มีเอกสารที่ชัดเจน อาจถูกปฏิเสธความรับผิดชอบภายหลังได้ง่ายมาก บริษัทที่ดีต้องโปร่งใส มีระบบบัญชีถูกต้อง และออกใบเสร็จอย่างเป็นทางการทุกงวด
สุดท้ายนี้ น้องบุรีรัมย์น่าอยู่อยากฝากไว้ว่า “บ้านที่ดีเริ่มจากทีมงานที่ไว้ใจได้” อย่าตัดสินด้วยคำพูดหรือโปรโมชั่นเท่านั้น แต่ให้ดูที่ความโปร่งใส ความพร้อมของทีมงาน และการทำงานแบบตรวจสอบได้ เพราะบ้านหลังหนึ่งไม่ใช่แค่โครงสร้างคอนกรีต แต่มันคือที่พักใจของทั้งครอบครัว
สัญญารับเหมา: หัวใจของความปลอดภัย
สัญญารับเหมาคือเอกสารสำคัญที่สุดในกระบวนการสร้างบ้าน ต้องมีรายละเอียดครบทั้งราคาก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง แบบแปลน วัสดุที่ใช้ และเงื่อนไขการรับประกัน หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาทนายความหรือวิศวกรอิสระช่วยตรวจ เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจทำให้เสียเปรียบ
เจ้าของบ้านไม่ควรเซ็นสัญญาแบบคลุมเครือ เช่น “ราคาประมาณ” หรือ “วัสดุตามที่ตกลงภายหลัง” เพราะเปิดช่องให้เกิดปัญหา เช่น การเปลี่ยนวัสดุโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า หรือการเบิกเงินเกินงวดงานจริง ทุกคำในสัญญาคือความปลอดภัยของคุณในระยะยาว มาดูกันเลยว่าในสัญญารับเหมาควรมีอะไรบ้าง
- ราคาก่อสร้างรวมทั้งหมด (ไม่คลุมเครือ)
- ระยะเวลาการก่อสร้างและกำหนดส่งมอบ
- แบบแปลนและวัสดุที่แนบไว้ชัดเจน
- เงื่อนไขการจ่ายเงินตามงวดงาน
- ข้อกำหนดการรับประกันงานก่อสร้าง
หากไม่มีประสบการณ์ ควรให้ ทนายความ หรือ วิศวกรอิสระ ช่วยตรวจเอกสาร เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจนำไปสู่การถูกเอาเปรียบ

วิธี “กำหนดงวดงาน” ให้ไม่ถูกโกง
และอีกวิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่สำคัญ คือ การเข้มงวดกับงวดงาน งวดงานที่ดีควรอิงกับ “ความคืบหน้างานจริง” เช่น ฐานรากเสร็จค่อยจ่าย 15%, โครงสร้างเสร็จค่อยจ่าย 20% ไปเรื่อย ๆ จนถึงงวดสุดท้ายที่จ่ายหลังตรวจรับงานเสร็จและแก้ไขจุดบกพร่องครบ วิธีนี้ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายทำงานตามแผน ไม่เร่งงานหรือเบิกเงินล่วงหน้าเกินไป
โดยการแบ่งงวดงานควรอิงตาม “ความคืบหน้างานจริง” ไม่ใช่จำนวนเดือน เช่น
- งวดที่ 1: งานฐานรากเสร็จสมบูรณ์ (จ่าย 15%)
- งวดที่ 2: งานโครงสร้างชั้นล่างเสร็จ (จ่าย 20%)
- งวดที่ 3: งานหลังคาและผนังเสร็จ (จ่าย 20%)
- งวดที่ 4: งานระบบไฟฟ้า–ประปา–ฉาบเรียบ (จ่าย 20%)
- งวดที่ 5: งานเก็บรายละเอียดและตกแต่ง (จ่าย 15%)
- งวดสุดท้าย: ตรวจรับงานทั้งหมดเสร็จ (จ่าย 10%) อย่าจ่ายงวดสุดท้ายทั้งหมดจนกว่างานจะตรวจรับเสร็จและแก้ไขจุดบกพร่องครบถ้วนแล้ว

ตรวจงานทุกงวด ด้วยผู้เชี่ยวชาญ
แม้บริษัทจะน่าเชื่อถือ แต่การตรวจงานอย่างต่อเนื่องคือสิ่งจำเป็น ควรจ้าง วิศวกรตรวจบ้านอิสระ มาตรวจในแต่ละงวด เช่น โครงสร้างฐานราก เสา–คาน ระบบไฟ–น้ำ เพื่อยืนยันว่าบ้านถูกสร้างตามแบบและมาตรฐานจริง
หากพบปัญหา ควรทำรายงานแจ้งบริษัทและให้แก้ไขก่อนจ่ายงวดต่อไป วิธีนี้ช่วยป้องกันงานหลวม งานเร่ง หรือการซ่อมซ้ำที่สิ้นเปลืองในระยะยาว
ความโปร่งใสคือพื้นฐานของความเชื่อใจ
บริษัทรับสร้างบ้านที่ดีจะเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ยินดีให้ตรวจหน้างานทุกงวด พร้อมมีเอกสารรับเงินที่เป็นทางการ ในขณะเดียวกัน เจ้าของบ้านก็ควรทำหน้าที่ของตนอย่างมืออาชีพ ชำระเงินตรงเวลา และไม่เปลี่ยนแบบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บน “ความโปร่งใสและความเคารพซึ่งกันและกัน” คือหัวใจของโครงการก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จ

ข้อควรระวังเพิ่มเติมก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน
นอกจากการตรวจสอบชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัทรับสร้างบ้านแล้ว ยังมีรายละเอียดเล็กๆ ที่เจ้าของบ้านมือใหม่มักมองข้าม ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ภายหลังได้เลยนะคะ เพราะการสร้างบ้านหนึ่งหลังไม่ได้จบแค่ “เลือกบริษัทถูกใจ” แต่ต้องระวังทุกขั้นตอนตั้งแต่เอกสาร วัสดุ ไปจนถึงการควบคุมหน้างาน เพื่อให้บ้านออกมาสวยตรงแบบ และไม่ต้องปวดหัวซ่อมซ้ำในอนาคต
1. ระวังการเปลี่ยนแบบหรือวัสดุกลางคันโดยไม่ได้ทำเอกสาร
หลายครั้งบริษัทหรือผู้รับเหมาจะเสนอ “เปลี่ยนวัสดุ” หรือ “ปรับแบบ” ด้วยเหตุผลประหยัดงบ แต่หากไม่ได้ทำเอกสารแนบท้ายสัญญาอย่างชัดเจน จะกลายเป็นช่องให้ลดคุณภาพวัสดุ หรือเบิกงบเพิ่มภายหลังโดยไม่มีหลักฐาน
2. อย่ามองข้ามการขออนุญาตก่อสร้าง
หากยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากเขตหรือเทศบาล ไม่ควรเริ่มงานเด็ดขาด เพราะจะมีผลทางกฎหมายภายหลัง และอาจถูกสั่งหยุดก่อสร้าง ซึ่งเจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
3. หลีกเลี่ยงการจ่ายเงินเป็น “เงินสด” โดยไม่มีหลักฐาน
ทุกการชำระควรมีใบเสร็จรับเงิน หรือสลิปโอนที่ระบุงวดงานชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดข้อพิพาทในภายหลัง
4. ตรวจสอบประกันภัยก่อสร้าง
หลายบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพจะมี “ประกันภัยงานก่อสร้าง” (Construction All Risk) ครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ หากบริษัทไม่มี ควรถามว่ามีตัวเลือกให้เจ้าของบ้านซื้อเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระหว่างก่อสร้าง
5. อย่าลืมตรวจสอบงานระบบก่อนปิดผนัง
งานไฟฟ้า ประปา ท่อระบายน้ำ ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนฉาบปูนหรือปิดฝ้า เพราะหากมีการรั่วหรือเดินสายผิด จะต้องรื้อใหม่และเพิ่มค่าใช้จ่ายมหาศาล
6. เก็บภาพหลักฐานทุกขั้นตอน
ถ่ายรูปและวิดีโอหน้างานทุกงวด โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่างฐานราก เหล็กเสริม และระบบภายใน เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพภายหลัง หรือเป็นหลักฐานหากมีการโต้แย้ง
7. ทำสัญญาแยก “งานตกแต่งภายใน”
หากมีการตกแต่งเพิ่มเติม เช่น Built-in หรือครัว ควรทำสัญญาแยกจากงานโครงสร้าง เพื่อแยกความรับผิดชอบและควบคุมคุณภาพวัสดุได้ชัดเจน
บทสรุป
การ เลือกบริษัทรับสร้างบ้านให้ปลอดภัย ต้องเริ่มจากตรวจสอบความน่าเชื่อถือให้รอบด้าน ทั้งที่ตั้งจริง ผลงานเก่า รีวิวลูกค้า และควรเลือกบริษัทที่เป็นสมาชิก สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เพื่อความมั่นใจในมาตรฐาน
ควรหลีกเลี่ยงผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำผิดปกติ หรือไม่มีวิศวกรควบคุมงาน ก่อนเริ่มก่อสร้างอย่าลืมทำสัญญารับเหมาที่ระบุรายละเอียดครบถ้วน และตรวจงานแต่ละงวดให้ชัดเจน และหากคุณสนใจสร้างบ้านไม่ว่าจะ แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น แบบบ้านมินิมอล หรือ แบบบ้านหรู และแบบบ้านอื่นๆที่สนใจ สามารถเลือกชมได้บน เว็บไซต์บุรีรัมย์น่าอยู่
บทความที่น่าสนใจ
- เปิดวาร์ป Masterpiece! บ้านชั้นเดียวพร้อมที่จอดรถ งบไม่เกิน 3 ล้านบาท
- เซฟด่วน! งบไม่เกิน 3 ล้านก็สร้างได้ รวมแบบ “สร้างบ้านโมเดิร์น บุรีรัมย์”
- โอฮาโย! รับสร้างบ้านมินิมอลมูจิ บุรีรัมย์ สไตล์ญี่ปุ่นอบอุ่น ที่ทำให้อยากตื่นมาใช้ชีวิต
- แบบบ้านยอดฮิต! บ้านไม่เกินล้าน บุรีรัมย์ ในงาน บุรีรัมย์ Home Expo 2025
บุรีรัมย์น่าอยู่ เว็บไซต์อสังหาฯ ที่รวมทุกเรื่องที่อยู่ของคนบุรีรัมย์ ค้นหาบ้าน ทรัพย์มือสอง บริการรับสร้างบ้าน บริการเช่าหอพัก และ ที่ดินทำเลดี ได้จากลิงค์ด้านล่างเลยค่า 👍