งู สัตว์เลื้อยคลานที่ขึ้นชื่อว่าสร้างความหวาดกลัวให้กับใครหลายคน ยิ่งบ้านใครที่อยู่ใกล้ป่าหรือมีสวนที่รก คงเจอกับปัญหางูเข้าบ้าน หรือต้องคอยหวาดระแวงกันบ่อยเลยใช่ไหมครับ วันนี้น้องน่าอยู่จึงมีวิธีไล่งู และป้องกันงูไม่ให้เข้ามาในบ้าน ด้วยวิธีที่ทำได้แบบง่าย ๆ มาฝากทุกคนกันครับ
ทำไมงูถึงเข้าบ้าน
มีหลายสาเหตุที่ทำให้งูอาจเข้ามาในบ้านของเราได้ ดังนี้เลยครับ
- สภาพแวดล้อมนอกบ้าน
บ้านของเราอาจจะอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เป็นป่ารก หรือป่าทึบที่อาจมีรังของงูอยู่ได้ จึงทำให้มีโอกาสที่งูจะออกมาหาอาหาร หรือแวะเวียนมาที่บ้านของเราได้ครับ
2. สภาพแวดล้อมภายในบ้าน
- บริเวณรอบบ้านที่เป็นสวน มีต้นไม้เยอะ ยิ่งรก หรือไม่ได้ตัดแต่งเลย ทำให้งูอาจมองว่าเป็นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับเป็นที่หลบซ่อน หรือที่วางไข่ได้ครับ
- การวางของกองกันไว้ ไม่จัดให้เป็นระเบียบ หรือตรงคอมเพรสเซอร์แอร์, รองเท้าที่วางไว้นาน, ตู้รองเท้า สิ่งเหล่านี้ก็สามารถเป็นที่หลบซ่อนได้เช่นกันครับ
3. มีแหล่งอาหาร
ในบ้านของเราอาจมีแหล่งอาหารของงูได้ครับ อย่างเช่น พวกหนู กบ เขียด อึ่งอ่าง ตุ๊กแก จิ้งจก กระต่าย และลูกไก่ จึงทำให้งูเข้ามาในบ้านของเรา เพื่อมาล่าเหยื่อเหล่านี้มาเป็นอาหารได้ครับ
แล้วงูเข้ามาในบ้านจากทางไหน?
เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้งูเข้ามาในบ้านแล้ว ต่อไปเรามาดูช่องทางที่งูสามารถเข้ามาในบ้านของเราได้กันดีกว่าครับ เพื่อที่เราจะได้ป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าไม่ให้งูเข้ามาในบ้านของเราตามช่องทางเหล่านี้ได้ โดยจะมีช่องทางไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ
- ช่องว่างใต้ประตู หน้าต่าง ฝ้าเพดาน หลังคา ใต้พื้นบ้าน
- ช่องโหว่ รอยร้าว รอยแตก หรือซอกหลืบต่าง ๆ ตามบริเวณบ้าน
- โถสุขภัณฑ์, ท่อระบายน้ำ, อิฐบล็อกช่องลม หรือช่องระบายอากาศ ที่ไม่มีตะแกรงปิดกั้น
วิธีสังเกตลักษณะงู
งูมีหลากหลายชนิด แล้วแบบนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนมีพิษหรือไม่มีพิษ งั้นตามมาดูวิธีสังเกตลักษณะ และความแตกต่างของงูมีพิษกับไม่มีพิษกันครับ เพื่อให้เราสามารถระวังตัวและรับมือได้ถูก หากเจองูในบ้าน อีกทั้งยังมีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ไว้ ในกรณีที่อาจถูกกัดได้ โดยจะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ
วิธีสังเกต
โดยปกติแล้วการสังเกตลักษณะภายนอกต่าง ๆ ของงู อย่างพวกลักษณะหัว ดวงตา สี หาง เกล็ดใต้ท้องปลายหาง หรือแม้แต่เรื่องการว่ายน้ำของงู สิ่งเหล่านี้ล้วนตัดสินไม่ได้เลยครับว่าจะเป็นจำพวกมีพิษหรือไม่มีพิษ เพราะการดูลักษณะภายนอกแบบนี้ไม่ได้ครอบคลุมกับงูทุกตัวว่าจะไม่มีพิษครับ
แล้วแบบนี้หากถูกกัดมา เราจะรู้ได้ยังไงว่างูที่กัดมีพิษไหม ทุกคนสามารถดูได้จากรอยกัดหรือรอยแผลครับ ถ้ามีพิษจะมีรอยเขี้ยว 1-2 จุด แต่ถ้าไม่มีพิษ รอยฟันบนผิวหนังจะเรียงเป็นแถว หรือเป็นรอยถลอกครับ
- งูมีพิษที่มักพบได้บ่อย ๆ และมีอันตราย ได้แก่ งูเห่า, งูจงอาง, งูสามเหลี่ยม, งูทับสมิงคลา, งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง, งูกะปะ และงูแมวเซา
- งูไม่มีพิษ เช่น งูเหลือม, งูหลาม, งูสิง, งูแสงอาทิตย์, งูก้นขบ, งูปี่แก้ว, งูเขียวปากจิ้งจก, งูลายสาบ, งูลายสอ และงูงอด
สำหรับใครที่สนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของงูมีพิษแต่ละชนิด สามารถตามไปอ่านต่อได้ที่ ระวัง! ภัยเงียบหน้าร้อน 5 งูพิษอันตราย
วิธีรับมือ หากเจองูในบ้าน! เราต้องทำอย่างไร?
- ตั้งสติ
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้งู หรือพยายามจับด้วยตนเอง
- สังเกตประเภทหรือลักษณะ จากระยะไกล หรือถ่ายรูปเก็บไว้
- ดูอยู่ในระยะที่ปลอดภัย
- หากอยู่ในระยะที่ใกล้งู ให้อยู่นิ่ง ๆ หรือเคลื่อนไหวช้า ๆ เว้นระยะห่างไม่ให้โดนฉกครับ
- แจ้งหน่วยกู้ภัย โทร 199 ให้เข้ามาช่วยจับ (สำหรับแจ้งอัคคีภัยและสัตว์เข้าบ้าน)
วิธีปฐมพยาบาล หากถูกงูกัด
กรณีที่ถูกกัด หากเราไม่แน่ใจว่าตัวที่กัดนั้นมีพิษหรือไม่มีพิษ ให้ดูจากรอยกัดหรือรอยแผล ตามที่น้องน่าอยู่ได้บอกไว้ข้างบนได้เลยนะครับ และหากงูที่กัดไม่มีพิษ ก็ควรไปพบแพทย์อยู่ดี เพราะจะได้ล้างแผลได้อย่างถูกวิธีครับ
และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกกัด ควรทำดังนี้ครับ
- โทร 1669 รีบแจ้งทางโรงพยาบาลก่อนเลยครับ
- ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด และสบู่
- ขยับบริเวณที่ถูกกัดให้น้อยที่สุด เพื่อชะลอพิษกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ปลดเสื้อผ้าที่รัดแน่นให้หลวม หรือถอดเครื่องประดับที่รัดแน่นร่างกาย
ข้อควรระวัง
- ห้ามใช้ปากดูดพิษออกจากแผล
- ห้ามขันชะเนาะ หรือการใช้ผ้าหรือเชือกมารัดเหนือแผล
- ห้ามยกอวัยวะที่ถูกกัดสูงเหนือระดับหัวใจ
- ไม่ประคบแผลด้วยน้ำแข็ง หรือแช่แผลที่ถูกกัดในน้ำ
- ห้ามใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใด ๆ มาทาแผล
- ห้ามกรีด ถู นวดแผล จี้ไฟ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
วิธีไล่งู ป้องกันงูไม่ให้เข้ามาในบ้าน
1. กำจัดแหล่งอาหาร
พวกเศษอาหาร หรือเศษขยะต่าง ๆ ในบ้านถือเป็นตัวการที่ทำให้ในบ้านของเรามีพวกหนู แมลงสาบ และแมลงอื่น ๆ เข้ามาอยู่อาศัย ถ้าหากมีแมลงเยอะ ก็ยิ่งดึงดูดให้พวกตุ๊กแก จิ้งจก กบ เขียด อึ่งอ่าง เข้ามาที่บ้านของเราเพิ่มอีก ซึ่งสัตว์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นแหล่งอาหารเลิศรสของงูเลยครับ ยิ่งมีสัตว์เหล่านี้อยู่ในบ้านมาก ยิ่งทำให้บ้านของเรามีความเสี่ยงให้งูจะเข้ามาล่าเหยื่อในบ้านของเราได้ครับ
ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นทำความสะอาด กำจัดเศษอาหาร และจัดการเรื่องขยะ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์เหล่านี้เข้ามาอยู่อาศัย และทำให้บ้านของเราไม่มีแหล่งอาหารของงูกันนะครับ
นอกจากการกำจัดแหล่งอาหารเพื่อป้องกันงูไม่ให้เข้ามาในบ้านของเราแล้ว ยังสามารถป้องกันหนู แมลงสาบ จิ้งจก และตุ๊กแกได้ด้วยนะ ใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถตามไปอ่านกันต่อได้ที่ วิธีกำจัดปลวก หนู แมลงสาบ และ วิธีไล่จิ้งจกและตุ๊กแกออกไป! เทคนิคง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้ด้วยตัวเอง กันได้เลยนะครับ
2. กำจัดแหล่งที่อยู่อาศัย
งูชอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด อับชื้น รก และทึบ หากเราไม่สังเกต ตรวจสอบ และดูแลบ้านของเราให้ดี ก็อาจทำให้งูแอบเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านของเราได้ ดังนั้น มาทำตามวิธีที่น้องน่าอยู่แนะนำไว้ด้านล่างนี้กันดีกว่าครับ เพื่อที่จะได้ป้องกันงูไม่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา โดยจะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาดูเลยครับ
- จัดสวน ดูแลบริเวณรอบบ้านให้เป็นระเบียบ ให้ดูโปร่ง โล่ง ไม่ปล่อยให้รกรุงรัง
- เก็บกวาดพวกเศษไม้ ใบไม้ วัสดุต่าง ๆ และกองขยะ
- จัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ ไม่ปล่อยให้ของรก วางไว้นานจนกลายเป็นที่อยู่อาศัยของงู
- ติดตั้งตาข่าย, ตะแกรง, มุ้งลวด ตามบริเวณรอบบ้าน ตามช่องวางใต้ประตู หน้าต่าง ตามท่อระบายน้ำ และตามช่องลม หรือช่องระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้าน
- ตรวจสอบ ซ่อมแซ่ม ปิดช่องโหว่ รอยร้าว รอยแตก ตามซอกหลืบต่าง ๆ ตามช่องว่างผนัง และตามรอยทรุดใต้ตัวบ้านที่งูอาจจะเข้ามาหลบซ่อนได้
สำหรับใครที่อยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการซ่อมแซม หรือปิดช่องโหว่ในบ้าน สามารถตามไปอ่านต่อได้ที่ 10 ช่องต้องปิด! ต่อเติมตรงไหนบ้างเพื่อป้องกันสัตว์เข้าบ้าน
3. ใช้สารไล่งู
มีสารไล่งูที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน คือ ผงกำมะถัน และน้ำมันกลิ่นฉุน (เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันสน) โดยผงกำมะถันสามารถใช้แบบผงโรยได้เลย หรือจะนำไปผสมกับน้ำให้พอเหมาะ ไม่เจือจางเกินไป แล้วนำไปราดตามบริเวณบ้านได้เลยครับ
ส่วนน้ำมันกลิ่นฉุน สามารถนำไปราดบริเวณรอบบ้าน ท่อระบายน้ำ และตามพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ที่คิดว่างูอาจจะเข้ามาหลบซ่อนได้ แต่ต้องระวังเรื่องของกลิ่นฉุนที่อาจรบกวนคนในบ้าน สัตว์เลี้ยง และคนข้างบ้านด้วยนะครับ หรืออีกวิธีที่ง่าย และสะดวก ก็คือ หาซื้อสารไล่งูแบบสำเร็จรูปตามร้านทั่วไป หรือร้านค้าออนไลน์มาใช้ก็ได้เหมือนกันครับ
และน้องน่าอยู่ขอแนะนำว่าหากเลือกใช้สารเหล่านี้ ต้องหมั่นคอยตรวจสอบ และทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะครับ เพราะหากสารเหล่านี้เจือจางไปงูก็สามารถเข้ามาในบ้านของเราได้เหมือนเดิมครับ
4. ต้นไม้ไล่งู
สำหรับต้นไม้ไล่งูที่ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยิน อย่างเช่น ต้นจิงจูฉ่าย, ฟ้าทะลายโจร, สาบเสือ, กุยช่ายประดับ, ดาวเรือง, ต้นระย่อม, ลิ้นมังกร, ว่านพญานาคราช และมะกรูด โดยมีความเชื่อว่าพวกต้นไม้เหล่านี้มีฤทธิ์ มีกลิ่น หรือมีลักษณะลำต้นที่ทำให้งูกลัวกันใช่ไหมครับ
แต่ทางนักวิทยาศาตร์การแพทย์ สวนงู สถานเสาวภา[1] ได้กล่าวไว้ครับว่า “ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะธรรมชาติของงูเนี่ยอยู่บนต้นไม้อยู่แล้ว จึงไม่มีต้นไม้ไหนที่งูจะกลัวครับ” อีกทั้งพวกต้นไม้เหล่านี้ก็ยังไม่มีสิ่งที่จะมายืนยันว่าจะกันได้ 100% เลยครับ
แต่สำหรับใครที่อยากปลูกเอาไว้เพื่อความสบายใจก็ทำได้นะครับ เพราะพวกต้นไม้เหล่านี้ก็มีสรรพคุณ และยังสามารถเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย แต่อย่าลืมว่าต้องหมั่นดูแล ตัดแต่ง ไม่ปล่อยให้สวนรก ให้กลายเป็นที่อยู่ของงูแทนนะครับ
5. บริการป้องกันงูเข้าบ้าน
สิ่งนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันงูเข้าบ้านได้จริง ๆ ครับ เพียงแค่เรียกใช้บริการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการ ก่อนที่จะมีพวกงูเข้ามาในบ้านของเรา และก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายที่ไม่คาดคิดกับคนในบ้านและสัตว์เลี้ยงของเราครับ
เนื่องจากการจ้างบริการนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง น้องน่าอยู่จึงขอแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูล อ่านรีวิว เปรียบเทียบราคา และดูประสบการณ์จากแต่ละที่ก่อนตัดสินใจเรียกใช้บริการนะครับ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันงูเข้าบ้านที่น้องน่าอยู่ได้รวบรวมไว้เป็นแนวทางให้กับทุกคนครับ พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่ทำให้งูเข้ามาในบ้านของเรา เพื่อให้เราสามารถป้องกันได้ทันท่วงที และเพื่อความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยของคนในบ้านและสัตว์เลี้ยงของเราครับ
และสำหรับใครที่กำลังมองหาหรือสนใจเกี่ยวกับโครงการบ้านใหม่พร้อมอยู่ สามารถมาเลือกชมได้ที่เว็บไซต์น่าอยู่ แหล่งรวมประกาศขายบ้านเดี่ยว โครงการบ้านจัดสรร ที่มีให้เลือกหลากหลาย มีมากกว่า 1,200 โครงการ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่คุณชอบ พร้อมแนะนำโครงการใหม่พร้อมอยู่ทุกทำเลให้ด้วยนะครับ
บทความแนะนำ
- ภัยร้ายในบ้านจาก"ตัวเรือด"
- ป้องกันตะขาบเข้าบ้าน! ด้วย 5 วิธีเด็ด ไล่ตะขาบออกจากบ้าน
- บอกลาปัญหา "มด" รบกวนใจ ด้วย 3 วิธีกำจัดมดแบบง่าย ๆ!
[1]สวนงู เสาวภาหน่วยงานของสภากาชาดไทยที่มีภารกิจในการเป็นสถานที่เลี้ยงงูพิษและนำไปรีดพิษ เพื่อผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นสถานอนุบาลงูเพื่อเลี้ยงและอนุรักษ์