5 วิธีเลือกซื้อกระเบื้อง สำหรับการสร้างบ้านใหม่

กระเบื้องปูพื้น” ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการสร้างบ้าน เพราะการจะเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานในเเต่ส่วนของพื้นที่ภายในบ้านเเละช่วยเพิ่มความสวยงามนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ใช้เวลาตัดสินใจที่นานพอสมควร รวมไปถึงประเภท ขนาด รูปแบบ พื้นผิวสัมผัส และโทนสีก็ล้วนมีผลในการเลือกนำมาใช้อีกด้วย

ปัจจุบันวัสดุตกแต่งพื้นบ้าน มีมากมายหลายประเภท ทั้งยังมีสารพัดรูปแบบ ลวดลาย และสีสันที่เเตกต่างกันอีกด้วย แต่หากจะพูดถึงวัสดุที่ตกแต่งพื้นที่นิยมเลือกใช้ คงหนีไม่พ้น "กระเบื้องเซรามิก" เนื่องด้วยมีรูปแบบที่หลากหลาย เข้ากับบ้านทุกสไตล์ อีกทั้งแข็งแรง และรักษาความสะอาดง่ายอีกด้วย

สิ่งสำคัญเลย ของการเลือกซื้อแผ่นปูพื้นนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้งาน และความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ รองลงมาคือด้านความสวยงามและการดูแลรักษา ซึ่งวันนี้ขอนเเก่นน่าอยู่ก็มี 5 วิธีในการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้น ให้ถูกใจเหมาะกับแต่ละพื้นที่ภายในบ้าน มาแนะนำให้ผู้อ่านที่กำลังจะสร้างบ้านหรือปรับปรุงบ้าน ดังต่อไปนี้

ภาพ: ห้องทำงานภายในบ้าน แต่งในโทนขาว กับกระเบื้องปูพื้นในบ้านเซรามิกสีขาวพร้อมลวดลายคล้ายหิน
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

1.เลือกกระเบื้องสำหรับปูพื้นเท่านั้น

เพราะพื้นที่ต้องรับน้ำหนักทั้งเฟอร์นิเจอร์ สิ่งของต่างๆ และผู้อยู่อาศัย จึงจำเป็นจะต้องใช้แผ่นปูพื้นที่มีความแข็งแรง ประเภท Floor Tile เป็นเเผ่นปูพื้นเนื้อพอร์ชเลนที่มีทั้งแบบเคลือบสีหรือลวดลาย กับแบบที่ผิวหน้ากับตัวเเผ่นปูพื้นเป็นเนื้อเดียวกัน หรือที่นิยมเรียกกันว่า กระเบื้องแกรนิโต

  • กระเบื้อง Floor Tile. จะมีความหนาประมาณ 6 มม. ลักษณะเด่นที่สังเกตได้คือ เนื้อจะมีสีน้ำตาล หรือขาวครีม เคลือบด้วยสีและลวดลายที่ผิวหน้าทั้งแบบด้าน แบบมัน และแบบหยาบ บางรุ่นมีผิวสัมผัส หรือร่องลาย ตามลวดลาย

ภาพ: กระเบื้อง Floor Tile
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

  • กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว มีความหนาประมาณ 10 มม. มีการเคลือบสี ลวดลาย ผิวสัมผัสทั้งแบบด้าน แบบมัน และหยาบที่ผิวหน้า สามารถมองเห็นชั้นผิวกระเบื้องแยกกับเนื้อกระเบื้องได้อย่างชัดเจน มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแกร่งสูง ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้ทั้งภายนอกบ้าน และภายในบ้าน ข้อควรระวังหากมีการขูดขีดลึกถึงเนื้อกระเบื้องจะสังเกตเห็นได้ง่าย ไม่สวยงาม

ภาพ: กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

  • กระเบื้องแกรนิตโต เป็นเนื้อกระเบื้องพอร์ชเลนที่มีความหนาประมาณ 10 มม. เช่นกัน แต่จะมีผิวหน้าและตัวกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ข้อดีคือในกรณีที่ผิวหน้ามีรอยขูดขีดหรือแตกกะเทาะจะมองเห็นได้ยาก พื้นผิวมีทั้งแบบด้าน แบบมัน และแบบหยาบ ใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นได้โดยทั่วไปเช่นเดียวกับกระเบื้องพอร์ชเลน

ภาพ: กระเบื้องแกรนิตโต
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

2.เลือกกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับพื้นที่การใช้งาน

  • กระเบื้องปูพื้นภายนอก เช่น ทางเดินรอบบ้าน บันไดเข้าออกตัวอาคาร หรือที่จอดรถ ควรจะเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีความแข็งแกร่ง รับน้ำหนักได้มาก มีพื้นผิวหยาบ (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R11) กระเบื้องไม่เคลือบเงา เพราะเมื่อฝนตก อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้

ภาพ: กระเบื้องปูพื้นทางเดินรอบบ้านควรมีผิวหยาบและแข็งแกร่ง
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

  • กระเบื้องปูพื้นในบ้าน สามารถเลือกกระเบื้องปูพื้นที่มีเนื้อแบบใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน แต่ถ้าหากมีผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก อาจเลือกเป็นกระเบื้องปูพื้นแบบเนื้อด้าน ไม่มันเงาเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกภายในบ้าน

ภาพ: กระเบื้องปูพื้นภายในบ้านเลือกใช้ได้ตามต้องการ หากคำนึงถึงความปลอดภัยควรเลือกกระเบื้องปูพื้นแบบผิวด้าน
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

  • กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ ควรเลือกกระเบื้องที่มีผิวหน้าที่หยาบ และไม่เคลือบผิวเงา (ค่าการกันลื่นไม่น้อยกว่า R10) โดยหมั่นทำความสะอาดกำจัดคราบไขมันเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ไขมันสะสมที่พื้นผิวหน้าจนเกิดความลื่น

ภาพ: กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำควรมีพื้นผิวหยาบ
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

3. เลือกใช้ขนาดกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมกับขนาดห้อง

สำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก อาจเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นเล็ก ขนาด 12”x12”, 16”x16” หรือกระเบื้องปูพื้นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ในส่วนห้องที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นใหญ่ได้ เช่น ขนาด 24”x 24” หรือ 24”x48”

ภาพ: ห้องขนาดเล็ก เหมาะกับการเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นเล็ก
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

ภาพ: ห้องขนาดใหญ่ สามารถเลือกใช้กระเบื้องปูพื้นแผ่นใหญ่ได้ตามความเหมาะสมของลวดลาย
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

4. เลือกรูปแบบ ลวดลาย และโทนสีกระเบื้องปูพื้นให้เข้ากับสไตล์บ้าน

รูปแบบและลวดลายของกระเบื้องมักจะสัมพันธ์กัน อย่างเช่น กระเบื้องลายหินมักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่ กระเบื้องลายไม้มักเป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมแผ่นยาว (ลักษณะเหมือนไม้กระดาน) ส่วนกระเบื้องลายกราฟิกอาจมีรูปทรงอื่นอย่างหกเหลี่ยม การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับสไตล์การตกแต่งบ้าน เช่น กระเบื้องลายหินจะเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น คลาสสิก ร่วมสมัย โดยถ้าเป็นผิวเงาจะทำให้ดูหรูหรามากขึ้น กระเบื้องลายไม้เหมาะกับการตกแต่งแนวธรรมชาติ หรือแนวร่วมสมัย มินิมอล ทั้งยังให้ลุคโมเดิร์นได้ด้วย

ภาพ: แต่งบ้านสไตล์ร่วมสมัยแบบหรูหรา ด้วยกระเบื้องปูพื้นลายหินอ่อนผิวเงา
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

ภาพ: แต่งห้องน้ำสไตล์อบอุ่น เป็นธรรมชาติด้วยกระเบื้องปูพื้นลายไม้โทนอ่อน
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

ด้านโทนสี สำหรับกระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนจะเหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร เพราะหากนำไปใช้งานนอกอาคาร ผิวกระเบื้องต้องสัมผัสกับแดด ลม และฝนตลอดเวลา อาจทำให้เกิดรอยด่าง รอยขีดข่วน และคราบต่างๆ ที่สังเกตเห็นได้ง่าย

อย่างไรก็ดี กระเบื้องปูพื้นโทนสีอ่อนทำให้ห้องดูสว่างตา และยังช่วยทำให้พื้นที่ห้องขนาดเล็กหรือแคบดูกว้างขึ้นได้ ส่วนกระเบื้องปูพื้นโทนสีเข้ม เหมาะกับพื้นที่นอกอาคาร ที่ต้องโดดแดดฝนอยู่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้สังเกตเห็นรอยต่างๆ ได้ชัดมากนัก หรือพื้นที่ภายในบ้านบริเวณที่ต้องรองรับการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือวางสิ่งของจำนวนมากๆ พื้นผิวที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี คราบน้ำมัน น้ำ อยู่บ่อยๆ เช่น ห้องครัว โรงรถ ห้องน้ำ ระเบียง เพราะกระเบื้องปูพื้นในโทนสีเข้มจะช่วยลดปัญหาในการทำความสะอาด ดูแลรักษาง่าย

ภาพ: แต่งห้องนั่งเล่นด้วยกระเบื้องปูพื้นโทนสีขาวตัดกับสีเข้มของเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ห้องดูสว่างตา
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

ภาพ: เลือกติดตั้งกระเบื้องปูพื้นสีโทนเข้มสำหรับพื้นทางเดินและบันไดภายนอกบ้าน
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

5. เลือกเกรดกระเบื้องปูพื้นตามการใช้งาน

โดยทั่วไปกระเบื้องปูพื้นที่ขายในท้องตลาดจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ

กระเบื้องปูพื้นเกรด A คือกระเบื้องที่สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซนต์ ไม่มีตำหนิเลย โดยสำหรับกระเบื้อง COTTO จะระบุว่าเป็นกระเบื้องเกรด PM ที่ย่อมาจาก Premium Grade

กระเบื้องปูพื้นเกรด B คือกระเบื้องมีตำหนิ (ไม่เกิน 3 จุด) แต่สังเกตได้ยาก ราคาต่ำกว่า เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ความสวยงาม เช่น ห้องเก็บของ ใต้เคาน์เตอร์ครัว

ภาพ: สำรวจรายละเอียดเกรดกระเบื้องข้างกล่อง
ขอบคุณภาพจาก : SCGHOME.COM

นอกจากการเลือกกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะสมและถูกใจแล้ว ในการซื้อแผ่นปูพื้นแต่ละครั้งควรซื้อมากกว่าที่คำนวณไว้ประมาณ 5-10% (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ รูปแบบการปู และขนาดแผ่นปูพื้น) เผื่อการตัดเศษ หรือแตกหักระหว่างการติดตั้ง และควรเป็นล็อตผลิตเดียวกัน หน้างานควรเตรียมพื้นที่กองเก็บจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย ก่อนติดตั้งควรตรวจสอบรอยแตกร้าวหรือจุดตำหนิในแต่ละแผ่นทุกครั้ง และที่สำคัญควรติดตั้งให้ถูกวิธี เพื่อให้ได้บ้านสวยตามต้องการ ทั้งยังใช้งานได้คุ้มค่ายาวนานอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก COTTO

สนใจสินค้าเกี่ยวกับกระเบื้องจาก SCG Home คลิกเลย https://bit.ly/3wmmG33

ขอบคุณบทความจาก : 5 วิธีเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นในบ้าน

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ