การกู้เงินไม่เกินตัวถือว่าเป็นการกู้เงินที่ถูกวิธี ไม่สร้างภาระที่เกินกำลังแก่ผู้กู้เกิดอาการ burn out ในอนาคตได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้กำลังกู้เงินเกินรายได้ที่มี ในเบี้องต้นเมื่อคํานวณเงินกู้รวมทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือนจึงถือว่าเป็นการกู้เงินที่เหมาะสมกับรายได้

นอกจากวิธีการคํานวณดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว น้องน่าอยู่ยังได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจอย่าง ดอกเบี้ยเงินกู้คืออะไร? มีกี่ประเภท วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ กู้แค่ไหนไม่เกินตัว สูตรคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบง่ายเว่อร์ ยกตัวอย่างแผนกู้เงินให้เหมาะกับรายได้ และแชร์เคล็ดลับกู้เงินอย่างมีสติ มานำเสนอเพื่อช่วยลับคมความรู้เพื่อนๆ ให้จ่ายดอกเบี้ยคุ้มที่สุด หากพร้อมแล้วไปกันเลยครับ

ทริคกู้ยังไงไม่เกินตัว วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้เหมาะกับรายได้

1. เข้าใจดอกเบี้ยเงินกู้คืออะไร? มีกี่ประเภท รู้ก่อนไม่โดนโกง

ดอกเบี้ยเงินกู้ คือ ผลตอบแทนที่เจ้าหนี้ หรือผู้ให้กู้เรียกเก็บจากผู้กู้หรือผู้ขอสินเชื่อ โดยทั่วไปทางธนาคารจะแยกคิดดอกเงินกู้ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ดอกเบี้ยแบบคงที่ และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ขอแนะนำดอกเบี้ยเงินกู้แต่ละประเภทดังต่อไปนี้

ดอกเบี้ยแบบคงที่

สำหรับดอกเบี้ยแบบคงที่ เป็น อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีการเปลี่ยนตลอดระยะเวลาที่ขอสินเชื่อตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่วันที่ขอสินเชื่อ ซึ่งสามารถคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ในแต่ละเดือนได้ง่ายๆ ช่วยให้คํา นวณสินเชื่อรวมดอกเบี้ยทั้งหมดได้แต่แรก ส่วนมากนิยมใช้กับสินเชื่อรถยนต์ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล

ตัวอย่างเช่น สินเชื่อบุคคลจากธนาคารออมสินมีวงเงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 2 ปี จากการคํานวณสินเชื่อออมสินพบว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งหมด 30,000 บาท และยอดผ่อนชำระแต่ละเดือนอยู่ที่ 5,416.66 บาท

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

สำหรับดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะเป็นการคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นที่เหลืออยู่จริงแต่ละเดือน ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดลงไปตามจำนวนเงินที่เหลืออยู่ ซึ่งมีวิธีการคำนวณที่ซับซ้อน ส่วนมากนิยมใช้กับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโด แต่ในปัจจุบันเราก็จะพบว่าสินเชื่อส่วนบุคคลหลายเจ้าก็มีดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

ความต่างของดอกเบี้ยแบบคงที่ vs. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

เพื่อช่วยให้เห็นภาพความต่างของการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ในแต่ละประเภท โดยนำเสนอข้อมูลเป็นตารางเปรียบเทียบดังต่อไปนี้

ตารางเปรียบเทียบ ความต่างของดอกเบี้ยแบบคงที่ vs. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

ความต่างของดอกเบี้ยแบบคงที่ vs. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

2. สูตรคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบง่ายเว่อร์

ก่อนที่จะขอสินเชื่อต่างๆ หากผู้ขอสินเชื่อรู้สูตรคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ ก็จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมว่าต้องเสียดอกเบี้ยรวมเงินต้นที่ต้องจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ และเกินรายได้ประจำต่อเดือนหรือไม่ นอกจากนี้ยังวางแผนปิดยอดสินเชื่อที่ต้องชำระทั้งหมดได้อีกด้วย ขอนำเสนอวิธีคิดดอกเงินกู้แต่ละแบบดังต่อไปนี้

สูตรดอกเบี้ยแบบคงที่

สำหรับสูตรดอกเบี้ยแบบคงที่ที่ใช้ในคำนวณหายอดเงินที่ผู้ขอสินเชื่อต้องจ่ายแต่ละเดือน จะแบ่งเป็น 2 สูตร ได้แก่

  1. ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด  = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลา (ปี)
  2. ยอดเงินที่ต้องชำระในแต่ละเดือน  = (เงินต้น + ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด)/ จำนวนงวดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด

ตัวอย่างเช่น ผู้กู้ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับต่อเติมบ้านมีวงเงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 1 ปี

  1. ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด = 100,000 x 15% x 1 (ปี) = 15,000 บาท
  2. ยอดผ่อนชำระแต่ละเดือน = (100,000 + 15,000)/12 = 9,583.33 บาท

เมื่อคํานวณเงินกู้บ้านยอดผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ที่ 9,583.33 บาท เป็นระยะเวลาทั้งหมด 12 เดือน

สูตรดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

สำหรับสูตรดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ใช้ในคำนวณหายอดเงินที่ผู้ขอสินเชื่อต้องจ่ายแต่ละเดือน จะแบ่งเป็น 3 สูตร

  1. ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือน = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันใน 1 ปี
  2. เงินต้นลดลง = จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในเดือนนั้น - ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนนั้น
  3. เงินต้นคงเหลือ (เพื่อคำนวณดอกเบี้ยงวดถัดไป) = เงินต้น (เงินต้นคงเงินจากเดือนก่อน) - เงินต้นลดลง

ตัวอย่างเช่น ผู้กู้ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับต่อเติมบ้านมีวงเงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 1 ปี

เดือนที่ 1

  1. ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนที่ 1 = (100,000 x 15%) x 31 / 365 = 1,273.97 บาท
  2. เงินต้นที่ลดลง =  9,026 - 1,273.97 = 7,752.03 บาท
  3. เงินต้นคงเหลือ = 100,000 - 7,752.03 = 92,247.97 บาท

เดือนที่ 2

  1. ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนที่ 2 = (92,247.97 x 15%) x 28 / 365 = 1,061.48 บาท
  2. เงินต้นที่ลดลง =  9,026 - 1,061.48 = 7,964.52 บาท
  3. เงินต้นคงเหลือ = 92,247.97 - 7,964.52 = 84,283.45 บาท

โดยจะมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอกแบบนี้ไปทุกงวดจนกว่าจะผ่อนชำระหมด

3. วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ยังไง กู้แค่ไหนไม่เกินตัว

จากวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ในหัวข้อก่อนหน้านี้ก็พอจะช่วยให้เพื่อนๆ มองเห็นยอดผ่อนชำระที่จะเกิดขึ้นในแต่ละเดือนล่วงหน้าได้ สำหรับยอดผ่อนชำระสินเชื่อรวมทุกสินเชื่อต่อเดือนผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินว่าไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ เช่น หากมีรายได้ต่อเดือน 35,000 บาท ยอดผ่อนสินเชื่อต่างๆ ต่อเดือนรวมแล้วต้องไม่เกิน 10,500 บาท

4. ตัวอย่างแผนกู้เงินให้เหมาะกับรายได้

การขอสินเชื่อยอดนิยมของคนไทย ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล ขอตัวอย่างแผนกู้เงินที่เหมาะกับรายได้พร้อมคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อหายอดชำระต่อเดือน ดังนี้

  • ตัวอย่างแผนสินเชื่อรถยนต์ : นาย A มีเงินเดือน 33,000 บาท ขอสินเชื่อรถยนต์จำนวน 480,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี จำนวน 60 งวด (5 ปี) เมื่อคํานวณสินเชื่อพบว่ายอดผ่อนชำระรถยนต์ต่อเดือนเป็น 9,200 บาท นับเป็นยอดสินเชื่อต่อรายได้เท่ากับ 27.87% อยู่ในเกณฑ์มียอดสินเชื่อต่อเดือนที่รับได
  • ตัวอย่างแผนสินเชื่อบ้าน : นาย B มีเงินเดือน 30,000 บาท ขอสินเชื่อบ้านจำนวน 1,200,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกร้อยละ 5 ต่อปี จำนวน 240 งวด (20 ปี) เมื่อคํานวณสินเชื่อพบว่ายอดผ่อนชำระบ้านต่อเดือนประมาณ 7,800 บาท นับเป็นยอดสินเชื่อต่อรายได้เท่ากับ 26% อยู่ในเกณฑ์มียอดสินเชื่อต่อเดือนที่รับได้

เพื่อให้ได้ตารางคำนวณเงินกู้ที่แม่นยำ ขอแนะนำโปรแกรมคำนวณเงินกู้บนเว็บไซต์น่าอยู่จากบทความ คำนวณเงินกู้บ้านง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์น่าอยู่ ด้วยโปรแกรมคำนวณสินเชื่อ

5. แชร์เคล็ดลับกู้เงินอย่างมีสติ

การขอสินเชื่อระยะยาวถือว่าเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ขอสินเชื่อจนหลายคนรู้สึกว่า ทำงานหนักแต่ไม่ได้ใช้เงินให้ชีวิตมีความสุขเท่าที่ควร ดังนั้นจึงขอแชร์เคล็ดลับที่ช่วยให้เพื่อนๆ ได้สำรวจว่าควรขอสินเชื่อก้อนนั้นหรือไม่ เพื่อช่วยให้กู้เงินได้อย่างมีสติคิดก่อนกู้ ดังนี้

  • วางแผนการเงินก่อนกู้ : สำรวจรายได้ประจำที่ได้ต่อเดือน ยอดใช้จ่ายต่อเดือนที่เหมาะสมกับคุณภาพชีวิตที่ต้องการ ยอดเงินเก็บเพื่อเป็นทุนสำรอง เพื่อหายอดเงินคงเหลือที่สามารถผ่อนชำระสินเชื่อต่างๆ ที่ต้องการ
  • ศึกษาสัญญาสินเชื่อ :  แนะนำว่าควรอ่านสัญญาสินเชื่อให้เข้าใจอย่างละเอียด เพื่อหาค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นตลอดสัญญา เช่น ค่าประกันกู้, ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • เลือกสินเชื่อที่เหมาะสม : ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีความรู้ในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อที่จะสามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับรายได้ตนเอง
  • ยอดเงินสำรอง : การที่มีรายจ่ายประจำเดือน ผู้ขอสินเชื่อควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินต่างๆ

บทสรุป

จบไปแล้วกับการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้อย่างไรไม่ให้เกินรายได้ ป้องกันภาวะกู้เงินเกินตัว หวังจะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนขอสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อประเภทอื่นๆ มั่นใจว่าภาระรายได้ที่เกิดขึ้นแต่ละเดือนจะไม่ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง

สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, คอนโดและทาวน์โฮม สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่เว็บไซต์น่าอยู่ นอกจากนี้ยังมีสาระน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ติดตามกันอีกด้วยนะครับ

บทความแนะนำ

- หนี้ดีกับหนี้เสียคืออะไร เรื่องต้องรู้ก่อนกู้เงิน

- ก่อร่าง สร้างบ้าน ยื่นกู้สร้างบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

- กู้ซื้อบ้านประกันภัยบ้านและคอนโด จำเป็นไหม? สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ